VDO เด็กออทิสติก – ฝึกพัฒนาการด้วย SI (Sensory Integration)
VDO ความรู้เรื่องนี้จะช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครอง ทราบข้อมูลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้เพิ่มมากขึ้น
- ระบบประสาทรับความรู้สึก หรือกระบวนการทำงานภายในสมองที่คอยจัดระเบียบคัดกรองความรู้สึกและสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระตุ้นร่างกายผ่านระบบประสาทรับความรู้สึก และสั่งให้ร่างกายแสดงออกมาในรูปแบบของพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ
- ประโยชน์ของการฝึกพัฒนาการด้านการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึก (Sensory Integration หรือ SI) และ
- ตัวอย่างกิจกรรมบำบัด ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือการเล่นที่มีเป้าหมายในการสร้างเสริมพัฒนาการให้กับเด็ก ๆ นั่นเอง
ส่วนระบบประสาทรับความรู้สึกทั้ง 7 จะประกอบด้วย
- การมองเห็น (Visual System)
- การได้ยิน (Auditory System)
- การรับสัมผัสทางผิวหนัง (Tactile System)
- การได้กลิ่น (Olfactory System)
- การรับรส (Gustatory System)
- การรับรู้ท่าทางของร่างกายผ่านข้อต่อ (Proprioception)
- การทรงท่า (Vestibular)
ทั้งนี้ เด็กที่มีปัญหา SI จะมีลักษณะดังต่อไปนี้ และพบบ่อยในเด็กออทิสติก เด็กสมาธิสั้น และเด็กที่มีพัฒนาการช้า
- ชอบการเคลื่อนไหวมาก ๆ เช่น กระโดด สะบัดมือ เดินเขย่งเท้า
- หลีกหนีสิ่งเร้า เช่น กลัวชิงช้า กลัวที่สูง ไม่มั่นคง ไม่สัมผัสอาหาร หรือของเล่นที่นุ่มนิ่ม
- ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากเกินไป เช่น ตื่นตระหนก อ่อนไหวง่าย
- ความรู้สึกช้า ไม่แสวงหาสิ่งเร้า เช่น มีสีหน้าเรียบเฉยง่วงนอนตลอดเวลา ไม่รับรู้สิ่งแวดล้อม ดูนิ่ง ๆ ซึม ๆ
- ดีสแพร็กเซีย (Dyspraxia) เช่น มีการวางแผนการเคลื่อนไหวที่ไม่ดีทำให้เกะกะเก้งก้าง ใส่เสื้อผ้าเองลำบาก เรียนรู้กิจกรรมใหม่ ๆ ได้ช้า
https://www.youtube.com/watch?v=mFSNcJkhjx0&feature=youtu.be
เมื่อชมคลิปจนจบ ก็รู้สึกทึ่งที่เด็กชายออทิสติกตัวน้อย ๆ ที่มีอายุเพียง 4 ขวบคนหนึ่ง ที่เคยอยู่ไม่นิ่ง ยืนโยกตัวค่อนข้างตลอดเวลา ไม่มองหน้า ไม่สบตาเลย ชอบเล่นเสียง เอาแต่ใจ โวยวาย ไม่ยอมทำกิจกรรม ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ไม่ฟังคำสั่ง ไม่เข้าใจภาษา แสดงออกทางภาษาน้อย รอคอยไม่ได้เลย มีปัญหาการเรียนรู้และสุขภาพอนามัย ไม่เข้าสังคม และใช้ชีวิตประจำวันแบบไม่ปกติสุข แต่เมื่อเด็กได้เข้ารับการฝึกทักษะการรับความรู้สึกผ่านระบบประสาทสัมผัส 7 ด้านด้วยการทำกิจกรรมบำบัดเพื่อปรับความสมดุลระบบประสาทสัมผัสรับความรู้สึกของร่างกายให้ตอบสนองต่อสิ่งเร้าและแสดงพฤติกรรมโต้ตอบต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมทุกสัปดาห์ ๆ ละ 1 ครั้ง ๆ ละ 1 ชั่วโมง พัฒนาการหลายด้านของเขาก็ดีขึ้นได้ภายใน 1 ปี
กรณีการฝึกนี้ ทำให้เรามีกำลังใจและฮึดสู้เพื่อลูกขึ้นมาได้ เพราะเราได้เห็นตัวอย่างแล้วว่าเพียงหนูน้อยคนนี้เข้ารับการฝึกพัฒนาการด้วยกิจกรรมบำบัดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ ๆ ละ 1 ครั้ง ๆ ละ 1 ชั่วโมงเป็นเวลา 1 ปี เขาก็สามารถเพิ่มพูนพัฒนาการหลายด้านของตนเองได้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าสมาชิกในครอบครัวของลูกออทิสติก ลูกสมาธิสั้น ลูกที่มีพัฒนาการช้าไม่สมวัย รู้วิธีการฝึกที่ถูกต้องและร่วมใจกันลงมือฝึกลูกหลานที่บ้านควบคู่กันไปด้วย เด็ก ๆ ก็จะยิ่งเก่งได้มากกว่านี้และเก่งขึ้นในทุก ๆ วันอย่างเห็นได้ชัดมากมายเพียงใด
สำหรับผู้ปกครองที่อยากไปฝึกลูกเองต่อที่บ้าน ท่านควรทำดังนี้ คือ
- พาลูกไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กหรือจิตแพทย์เด็ก เพื่อรับการวินิจฉัยอาการและรู้ปัญหาที่แท้จริงของลูก เพื่อจะได้เสริมสร้างพัฒนาการได้ถูกด้านต่อไป
- คลุกคลีและเล่นร่วมกันกับลูกที่บ้านบ่อย ๆ ทั้งนี้ ท่านสามารถประยุกต์ใช้กิจกรรมง่าย ๆ ที่บ้าน หรือแม้แต่ให้ลูกช่วยทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ง่าย ๆ ก็สามารถฟื้นฟูและสร้างเสริมพัฒนาการให้ลูกได้
- ขอคำแนะนำจากนักกิจกรรมบำบัดหรือครูกระตุ้นพัฒนาการของลูกเมื่อมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
พัฒนาการของลูกเราสามารถร่วมกันสร้างเสริมให้ลูกได้ ขอเพียงเริ่มต้นเรียนรู้ ทำตามแนวทางที่ถูกต้องทุกวัน ทำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญคือต้องไม่ถอดใจ เราก็จะประสบความสำเร็จและช่วยลูกได้ค่ะ
บ้านอุ่นรักจะอยู่เป็นเพื่อนคู่คิดให้กับทุกท่าน และพร้อมที่จะรับฟัง เป็นที่ปรึกษา ตลอดจนให้คำแนะนำที่มีประโยชน์แก่ทุกท่านเสมอค่ะ
Credit คลิปและข้อมูล: รายการโทรทัศน์ มูลนิธิเด็ก | ก.บ. ปานิศรา วาริสสอน (ครูน้อยหน่า นักกิจกรรมบำบัดประจำสถาบันวิชาการ มูลนิธิเด็ก)
Credit ภาพ: Bekah Russom | Troy T | Bruce Warrington | Unsplash