by admin | บทความบ้านอุ่นรัก |
ฝึกลูกนั่งทำงานที่พื้น
การฝึกลูกนั่งทำงานที่พื้นเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ภารกิจที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องฝึกลูกที่บ้านไว้ล่วงหน้าก่อนที่ลูกจะถึงวัยเข้าเรียนร่วมในโรงเรียนอนุบาล เพราะกิจกรรมบางอย่างที่ลูกต้องทำที่โรงเรียน ลูกจะต้องนั่งทำที่พื้น เช่น นั่งสมาธิ ร่วมทำกิจกรรมวงกลมยามเช้าที่พื้น หรือนั่งรอที่สนามหญ้าในขณะรอคิวเล่นพละ เป็นต้น
เหตุผลที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องฝึกลูกนั่งทำกิจกรรมที่พื้นไว้ล่วงหน้าจากที่บ้าน:
- การนั่งทำงานที่พื้นจะทำให้ลูกคุมตนได้ยากกว่าการนั่งทำงานต่าง ๆ บนโต๊ะ ถ้าไม่ฝึกไว้ล่วงหน้า ลูกจะคุมตนได้ยากทำให้ขาดความพร้อมที่จะเรียนรู้เมื่อถึงเวลาต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่พื้นที่โรงเรียน
- ลูกมีเวลามากพอเพื่อเรียนรู้วิธีนั่งที่ถูกต้องในขณะต้องทำงานที่พื้น ทำให้ฝึกได้แบบไม่เร่งรัดการฝึกมากจนเกินไป ทั้งนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถแทรกการฝึกให้ลูกได้ในระหว่างที่ลูกทำกิจวัตรต่าง ๆ ประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่น ขณะช่วยแม่พับผ้า หรือเมื่อถึงเวลาต้องเก็บของเล่นลงกล่องของเล่น เป็นต้น
- การฝึกที่บ้านทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ลูก ๆ จึงเรียนรู้และเข้าใจคำสั่งเรื่องการนั่งทำงานที่พื้นได้ตามลำดับจนกระทั่งทำได้และเคยชินที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องนั่งทำที่พื้น
อย่างไรก็ตาม ในขณะฝึกลูกนั่งทำงานที่พื้นที่บ้าน พ่อแม่ผู้ปกครองต้องระวังไม่ให้ลูกนั่งท่านั่งแบะขาหรือท่าดับเบิ้ลยู (W) เพราะเป็นท่านั่งที่ส่งผลเสียหลายประการต่อลูก ซึ่งศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก” ขอแชร์ข้อมูลหัวข้อ “มารู้จักท่านั่ง W-Sitting กันเถอะ” ของคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล ไว้ในโพสต์นี้
คลิกลิงก์ข้างล่างนี้เพื่ออ่าน
https://pt.mahidol.ac.th/knowledge/?p=781&fbclid=IwAR0N4lyMrXcXPV5aHESdPxVeE8JETrUZrA3QGdx2H0xWKDCXt6-I9-S6YnI
การฝึกและกระตุ้นพัฒนาการเด็กหลายหัวข้อทำได้ไม่ยากจึงทำที่บ้านได้ ซึ่ง “บ้านอุ่นรัก” จะทยอยนำข้อมูลมาแบ่งปันเพิ่มเติมในโพสต์ต่อ ๆ ไป
เครดิตภาพ:<a href=”https://www.freepik.com/free-vector/child-psycologist-flat-concept-with-boy-playing-with-psychotherapist-indoors-vector-illustration_33771891.htm#page=2&query=kids%20sit%20on%20floor&position=9&from_view=search&track=ais”>Image by macrovector</a> on Freepik
เครดิตข้อมูลท่านั่งท่า W: ศูนย์กายภาพบำบัด คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล (เรียบเรียงโดย กภ.องครักษ์ ธรรมมิกะ)
by admin | บทความบ้านอุ่นรัก |
เรื่องท้าทายใจที่ต้องหาทางออก
จากประสบการณ์การทำงานด้านการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กออทิสติก สมาธิสั้น พัฒนาการช้ากว่าวัย มานานกว่า 30 ปี ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก” ยอมรับว่าการเลี้ยงดูและดูแลเด็กพิเศษที่มีปัญหาด้านพัฒนาการนั้นเป็นเรื่องท้าทายเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะท้าทายสุด ๆ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองเพราะลูกจะแสดงออกซึ่งพฤติกรรมและอารมณ์แปลก ๆ ที่ยากจะคาดเดา ลูกมักจะกระโดดโลดเต้นวิ่งวนไปมา ซนอยู่ไม่สุข ส่งเสียงดัง ทำสิ่งของเสียหาย ทำสีหน้าท่าทางแปลก ๆ สะบัดมือ โยกตัว โมโหรุนแรง หรืออาละวาดฉุนเฉียวเมื่อถูกห้ามหรือรู้สึกขัดใจ
การแสดงออกของลูกเป็นพฤติกรรมที่สังเกตเห็นได้โดยง่าย บุคคลอื่นที่ถูกรบกวนจะจับจ้องทั้งลูกและพ่อแม่ผู้ปกครอง จนกลายเป็นว่าพฤติกรรมแปลก ๆ และอารมณ์ที่คาดเดาไม่ได้ของลูกกลับเป็นตัวแปรที่มาควบคุมอารมณ์และการแสดงออกของพ่อแม่ผู้ปกครองอีกต่อหนึ่ง พ่อแม่ผู้ปกครองจะรู้สึกอาย โกรธ รู้สึกผิดที่ควบคุมลูกได้ไม่ดีพอ เครียดและบานปลายไปเป็นการโต้ตอบกับลูกในลักษณะรุนแรงผิดไปจากลักษณะปกติที่พ่อแม่ผู้ปกครองพึงกระทำต่อลูกไปได้ในท้ายที่สุด
ความรู้สึกท่วมท้นทั้งรัก โกรธ เครียด และอายเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นเสมอเพราะการเลี้ยงลูกที่มีปัญหาด้านพัฒนาการท้าทายอารมณ์ตลอด แต่ภาวะเหล่านี้มีวิธีจัดการให้ดีขึ้นได้และ “บ้านอุ่นรัก” ขอแนะนำแนวทางการจัดการอารมณ์และความรู้สึกดังต่อไปนี้ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจะสามารถดูแลพัฒนาการของลูก พร้อม ๆ ไปกับการใส่ใจดูแลหัวใจและความรู้สึกของตัวท่านเองพร้อม ๆ กันไปด้วย
แนวทางการจัดการอารมณ์และความรู้สึก
- ยอมรับว่าความเครียดทำให้เราโต้ตอบทางลบกับพฤติกรรมของลูก เช่น ตะคอก ตะโกน ดุ หรือตีลูก เมื่อเกิดการโต้ตอบทางลบเช่นนี้ ขอให้เราตระหนักรู้และยอมรับว่าความเครียดในครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้เราต้องตั้งใจระมัดระวังให้มากขึ้นเพื่อครั้งหน้าเราจะไม่เอาความเครียดของตนเองไปถ่ายเทลงที่ลูก แต่จะเปลี่ยนมาพิจารณาว่าพฤติกรรมใดของลูกที่ทำให้เราทนไม่ไหว เพื่อหาแนวทางรับมือกับพฤติกรรมนั้น ๆ ของลูกในอนาคตให้ถูกวิธี
- รับรู้ถึงความไม่สมบูรณ์แบบของการเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง เราทุกคนเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ทำพลาดได้ และสิ่งที่กำลังทำพลาดนี้เป็นภาวะที่คนรอบข้างสามารถทำความเข้าใจได้ ตลอดจนเราสามารถให้อภัยตนเองได้ด้วยเช่นกัน ส่วนการโต้ตอบกับลูกในครั้งหน้า เราจะหาวิธีที่ดีกว่านี้ที่สามารถลดหรือแก้ไขปัญหาโดยไม่ให้เกิดความผิดพลาดเดิมซ้ำขึ้นมาได้อีก
- ตั้งทีมสนับสนุนมาช่วยดูแลลูก เพื่อในวันที่เรารู้สึกไม่ไหว กายใจไม่พร้อม จะได้ไม่ต้องฝีนพยายามทำตนเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองแนวยอดมนุษย์ ทีมสนับสนุนนี้อาจเป็นญาติ พี่น้อง เพื่อน คนที่เข้าใจเรา หรือเราไว้ใจให้เขาช่วยดูแลลูก คนที่พร้อมให้แรงสนับสนุนทางกายใจ หรือคนที่สามารถช่วยชวนลูกทำกิจกรรมเสริมสนุก ๆ และปลอดภัยในเวลาที่เราต้องการปลีกตัวไปพักใจหรืออยากขอเวลานอกไปมีเวลาเฉพาะเป็นของตนเองได้เป็นครั้งคราว
- อย่ากลัวที่จะแบ่งปันความกังวลใจ ความรู้สึกผิด หรือระบายความคับข้องใจให้คนที่ไว้วางใจได้รับฟัง การได้พูดคุยระบายความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์ที่สมบูรณ์แบบจะช่วยลดทอนอารมณ์ด้านลบของเราลงได้
- ตั้งเป้าหมายในการหาแนวทางรับมือที่ชัดเจนกับพฤติกรรมของลูกที่ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองวิตกกังวล เช่น ทำข้อตกลงเพิ่มเติม ตั้งกติการ่วมกัน หรือเตรียมการให้พร้อมมากขึ้นก่อนออกไปเผชิญกับสถานการณ์ที่คาดว่าอาจรับมือได้ยาก
- เข้าใจข้อเท็จจริงว่าการเลี้ยงดูลูกที่มีปัญหาด้านพัฒนาการเป็นภาวะที่ขั้นตอนการเติบโตทางพัฒนาการของลูกสำคัญกว่าการเติบโตตามวัย ปัญหาทางพัฒนาการส่งผลให้ลูกยังไม่สามารถควบคุมการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมและอารมณ์ให้ถูกใจเราหรือคนรอบข้างได้ ดังนั้น เราต้องให้เวลาและเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้ฝึกฝนจนลูกแสดงออกซึ่งพฤติกรรมในทางบวกและควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดียิ่งขึ้น
ในขณะที่เราเลี้ยงดูลูกที่มีปัญหาด้านพัฒนาการ เราต้องหาสมดุลการเลี้ยงดูควบคู่ไปกับการเรียนรู้วิธีรับมือลูก เพื่อเราจะสามารถนำทางลูกให้ผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ ไปได้ตลอดรอดฝั่ง “บ้านอุ่นรัก” เชื่อว่าหัวใจของพ่อแม่ผู้ปกครองสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพัฒนาการของลูก พ่อแม่ผู้ปกครองจึงต้องการการสนับสนุน และ “บ้านอุ่นรัก” ขออยู่เป็นเพื่อนผู้ส่งมอบทั้งกำลังใจและแนวทางการรับมือให้ด้วยความรักและปรารถนาดีค่ะ
เครดิตภาพ: Unsplash | mk. s (https://unsplash.com/photos/pBuTRV7Wv3s)
ติดต่อศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก”
บ้านอุ่นรักสวนสยาม: โทร: 086 775 9656
บ้านอุ่นรักธนบุรี ถนนพุทธมณฑลสายสอง: โทร: 087 502 5261
วันและเวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์ | 09.00 น. – 15.00 น.
by admin | บทความบ้านอุ่นรัก |
“ความขัดแย้ง” เรื่องวุ่น ๆ ที่เราจัดการให้ดีขึ้นได้
เนื่องในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก ในเดือนนี้ ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก” จึงขอกล่าวถึง “ความขัดแย้ง” ซึ่งเป็นอีกมิติหนึ่งที่สำคัญที่มักจะเกิดแทรกเป็นระยะ ๆ ในขณะที่เรากำลังสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่เรารัก แต่เราต้องการก้าวผ่านความขัดแย้งไปให้ได้เพื่อคงไว้ซึ่งความสุขและความรู้สึกดี ๆ ที่ต่างมีให้กัน เราจึงต้องหาทางจัดการลดความขัดแย้ง ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น
- ต่างฝ่ายต่างตั้งเป้าหมายและมีพันธสัญญาร่วมกันว่าจะช่วยกันรักษาสัมพันธภาพแบบคู่แท้ เพื่อนแท้ หรือเป็นคนที่จะไว้ใจกันได้อย่างยาวนานตลอดชีวิต เพราะตัวตั้งและพันธสัญญานี้จะช่วยผลักดันให้เราต่างใช้ความพยายามสูงสุดในการรักษาสัมพันธภาพต่อไป แม้ทำได้ยากในบางขณะแต่เมื่อสองพลังช่วยกันออกแรงแก้ไข ปัญหาความขัดแย้งย่อมผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
- เราตั้งมั่นว่าเราจะทำให้ดีที่สุดในส่วนของตัวเราเอง ตลอดจนลดความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงใคร เพราะเราเปลี่ยนแปลงใครไม่ได้เว้นเสียแต่ว่าคน ๆ นั้นต้องการเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างแท้จริง
- เราเข้าใจให้ตรงกันว่าความขัดแย้งไม่ได้เกิดจากข้อบกพร่องหรือความผิดพลาดของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจากวิธีที่เราใช้ในการโต้ตอบกันและกัน หากเราใช้วิธีเดิม ๆ ในการโต้ตอบปัญหาตามที่เราเคยทำหรือเคยชินที่จะทำ ความขัดแย้งจะยังอยู่หรือเพิ่มมากขึ้นได้ ดังนั้น เราจะช่วยกันค้นหาวิธีประนีประนอม ยอมรับกันและกันว่าไม่มีใครเหมือนใคร แต่เรายินดีที่จะช่วยกันลดความขัดแย้งและจะหาทางจัดการความแตกต่างที่เราทั้งสองฝ่ายมี เพื่อต่างฝ่ายต่างได้รับการตอบสนองด้วยความเข้าใจ ยอมรับ และวิน-วิน (Win-Win) ด้วยกันทั้งคู่
- เราใช้แนวทางลดความขัดแย้งแนวใหม่ที่ไม่ได้มุ่งให้อีกฝ่ายพูดถึงข้อเสียที่ต้องการให้อีกฝ่ายแก้ไข แต่เราต่างคนต่างพยายามเข้าใจมุมมองของฝ่ายตรงกันข้าม ย้อนกลับไปคิดพิจารณาว่าอีกฝ่ายมีคุณค่าอย่างไร มีความดีงามที่เคยทำให้และความดีงามที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมาอย่างไร ตลอดจนเราจะสำรวจตรวจสอบตนเองว่าสามารถมีส่วนร่วมในการปรับปรุงและรับผิดชอบความสัมพันธ์ในส่วนของตนเองได้อย่างไรบ้าง
- เราไม่นำความฝังใจในอดีตและความไม่เป็นกลางในความคิดของเรามาเป็นอุปสรรคในการลดข้อขัดแย้งแต่ละครั้ง
- เรานิ่งฟังมากขึ้นเพราะการนิ่งฟังจะช่วยให้เราลดการโต้ตอบแบบทันทีทันควัน อีกทั้งทำให้เราสามารถจับประเด็นและความรู้สึกที่อีกฝ่ายต้องการหรือพยายามสื่อสารให้เรารับรู้ อันส่งผลให้เราตระหนัก รับรู้ใจความสำคัญ เห็นอกเห็นใจ เข้าใจและยอมรับเขาได้ดีขึ้น
- เราปรับคำพูดและระดับน้ำเสียงเพื่อแสดงออกถึงความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ คำพูดและน้ำเสียงที่ใช้ต้องไม่ยั่วยุ ไม่เพิ่มความโกรธ ตลอดจนไม่แสดงความเป็นปรปักษ์เมื่อมีความขัดแย้งเฉพาะหน้า ส่วนในระยะยาว เราจะหาแนวทางบำรุงรักษาความสัมพันธ์และหาวิธีแสดงออกให้บ่อยครั้งขึ้นเพื่ออีกฝ่ายสัมผัสได้ชัดถึงความรัก ความห่วงใย หรือแม้แต่เสน่หาที่ยังคงมีอยู่ตลอดไป
“บ้านอุ่นรัก” หวังว่าข้อคิดและแนวทางลดความขัดแย้งข้างต้นจะเป็นประโยชน์และทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของตนเองและคนที่เรารัก ยอมรับกันและกันในแบบที่ไม่มีใครเหมือนใคร ตลอดจนส่งผลให้เราได้ช่วยกันคนละเล็กละน้อยไปทีละหน่อยในการปรับปรุงวิธีคิด วิธีสื่อสารและการแสดงออกเพื่ออยู่ร่วมกันด้วยความรู้สึกปลอดภัย เข้าใจกัน เพื่อความสุข ความสนุกสนานที่ได้สบตา มองหน้า พูดคุยและหัวเราะสนุกด้วยกัน จนสามารถลดและขจัดความขัดแย้ง เพื่อหวนคืนสู่ความสัมพันธ์แบบคู่แท้ เพื่อนแท้ และคนรู้ใจที่ใกล้ชิดทางใจได้ในท้ายที่สุด
เครดิตภาพ: https://unsplash.com/photos/Iq9SaJezkOE | Unsplash | GR Stock
ติดต่อศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก”
บ้านอุ่นรักสวนสยาม: โทร: 086 775 9656
บ้านอุ่นรักธนบุรี ถนนพุทธมณฑลสายสอง: โทร: 087 502 5261
วันและเวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์ | 09.00 น. – 15.00 น.
by admin | บทความบ้านอุ่นรัก |
กระตุ้นพัฒนาการผ่านการเล่นหนีบไม้หนีบผ้า
หนึ่งในภารกิจที่ทีมครูกระตุ้นพัฒนาการเด็กของศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็กบ้านอุ่นรักตั้งใจทำคือการแบ่งปันข้อมูลกิจกรรมที่ทำได้ง่ายและประหยัดให้คนที่บ้านได้เรียนรู้และนำไปใช้กระตุ้นพัฒนาการเด็ก เล่นสนุกร่วมกันกับเด็ก และจัดตารางกิจกรรมประจำวันประจำบ้านที่เด็กจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
ในวันนี้บ้านอุ่นรักขอแบ่งปันกิจกรรมการเล่นที่ช่วยสร้างเสริมพัฒนาการผ่าน “กิจกรรมหนีบไม้หนีบผ้า” ซึ่งการเล่นนี้มีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างพัฒนาการเด็กหลายประการ เช่น
- เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็กผ่านการดึง กด และออกแรงกล้ามเนื้อข้อมือ ข้อนี้ว ตลอดจนเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อนิ้ว ข้อมือ
- ฝึกเด็กให้เข้าใจการใช้มือ ข้อมือ ข้อนิ้ว ที่ทำงานประสานร่วมกันระหว่างตา-มือ-และการออกแรงในการง้างและกด
- ฝึกให้เด็กฟังคำสั่งของผู้สอนอย่างมีสมาธิเพื่อจับใจความ
- ฝึกการมอง การกวาดตามอง การเดินหรือเคลื่อนไหวเพื่อหาภาพ หาคำศัพท์ หรือตัวเลขตามคำสั่งของผู้สอน
- ช่วยขยายคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นำมาประกอบการเล่น
การเล่นหนีบไม้หนีบผ้าทำได้ง่ายและประหยัดมาก เช่น หนีบกับกระดาษแข็งหรือหนีบกับของใช้ที่มีอยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นตะกร้า กล่องสี หรือเสื้อผ้า ซึ่งผู้สอนต้องค่อย ๆ ฝึกเด็กให้เข้าใจการใช้มือ ข้อมือ ข้อนิ้ว ที่ทำงานประสานร่วมกันระหว่างตา-มือ-และการออกแรงในการง้างและกด ซึ่งโดยทั่วไป เด็กจะทำได้ในขั้นตอนนี้ อย่างไรก็ตาม การฝึกเพื่อกระตุ้นพัฒนาการเด็กนั้น ผู้สอนต้องมีเป้าหมายในการแทรกการเรียนรู้อื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย กล่าวคือ
- เริ่มต้นที่เด็กเข้าใจวิธีเล่นหนีบไม้หนีบผ้าที่ผู้สอนนำทาง สาธิตทำให้ดู และกระตุ้นให้เด็กเลียนแบบทำตามจนเด็กทำได้เอง อันส่งผลต่อการที่เด็กเกิดความภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง ทั้งนี้ ในระยะเริ่มต้น ผู้สอนอาจให้เด็กหนีบไม้หนีบผ้าขนาดใหญ่กับกระดาษแข็งหรือของใช้ต่าง ๆ ที่มีที่บ้านให้ได้ 1 ชิ้นก่อน เมื่อเด็กทำได้คล่อง ค่อยลดขนาดไม้หนีบผ้าให้เล็กลง ตลอดจนเพิ่มจำนวนชิ้นงานให้มากขึ้นต่อไป
- จากนั้น ผู้สอนฝึกให้เด็กหนีบตามรูปแบบการเรียนรู้เพิ่มเติมที่ผู้สอนกำหนด เช่น หนีบตามสี แยกสี สลับสี (ส้ม 1 เขียว 1 ขาว 1) หรือหนีบไม้หนีบผ้าตามจำนวนสีให้ตรงกับตัวเลข ตัวอักษร หรือภาพที่ผู้สอนกำหนด
- ในท้ายกิจกรรม ผู้สอนปล่อยให้เด็กเล่นอิสระแต่คอยจับตาดูเพื่อเรียนรู้วิธีเล่นของเด็ก หากพบว่าเด็กเล่นหนีบไม้หนีบผ้ารูปแบบซ้ำ ๆ จะได้เข้าแทรกและแนะนำวิธีเล่นแบบอื่นให้เด็กได้เพิ่มวิธีเล่นได้หลากหลายมากขึ้นต่อไป
เครดิตภาพ: Unsplash | Erik-Jan Leusink
.
by admin | บทความบ้านอุ่นรัก |
“…LEGO หรือที่เราเรียกกันทับศัพท์ว่าตัวต่อเลโก้นั้น จริง ๆ มาจากรากศัพท์คำว่า LEG GODT ในภาษาเดนิช แปลว่า Play Well หรือการเล่นยอดเยี่ยมนั่นเอง และช่างเป็นเรื่องบังเอิญด้วยที่ LEGO ในภาษาละตินนั้นยังมีความหมายว่าต่อเข้าด้วยกันอีกด้วย…(ที่มา: SME Thailand Online)”
ตัวต่อเลโก้เป็นของเล่นประจำบ้านของศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก” ทั้ง 2 แห่ง คือ “บ้านอุ่นรักสวนสยาม” และ “บ้านอุ่นรักธนบุรี” ซึ่งครูบ้านอุ่นรักจะใช้เลโก้ทั้งในการสอนเดี่ยว สอนกลุ่ม ตลอดจนการปล่อยเด็กเล่นอิสระเพราะเลโก้เป็นของเล่นที่เหมาะสมกับการสร้างเสริมพัฒนาการเด็ก เช่น
- ฝึกจัดระเบียบความคิดและลำดับการทำงานในสถานการณ์ที่มีสิ่งเร้าจำนวนมาก เช่น ครูสาธิตให้เด็กดูว่าในการเล่นนี้ เด็กต้องแยกเลโก้ตามสีและต่อเลโก้ที่เป็นสีเดี่ยวกันเข้าด้วยกัน โดยในช่วงเริ่มต้น ครูจะคละเลโก้หลากสีรวมไว้ในถาดและต่อให้เด็กดูทีละสี เมื่อเด็กเข้าใจแนวคิด ครูจะแล้วปล่อยให้เด็กแต่ละคนลงมือทำเอง ซึ่งเด็กบางคนจะสับสนเพราะเลโก้หลากสีถือเป็นสิ่งเร้าที่มีจำนวนมาก (มีสิ่งเร้าเยอะ) เด็กจึงเริ่มต้นไม่ถูก ในขณะที่เด็กบางคนก็จะลงมือทำได้ ทั้งนี้ ครูจะสังเกตว่าเด็กแต่ละคนมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร เช่น เด็กบางคนเลือกหยิบเลโก้ทีละสีแล้วต่อจนเสร็จไปทีละสี ในขณะที่เด็กบางคนใช้วิธีแยกเลโก้แต่ละสีกองแยกไว้แล้วค่อยต่อ ส่วนเด็กคนที่สับสนมาก ครูจึงจะบอกวิธีทำอีกรอบ การสังดเกตของครูทำให้ครูรู้วิถีความคิดของเด็กแต่ละคนก่อนที่ครูจะนำทาง
- เมื่อเด็กต่อเลโก้ตามที่ครูสั่งได้เองแล้ว ครูจะปล่อยให้เด็กต่อเลโก้ต่อไปอย่างอิสระ แต่ครูจะคอยสังเกตห่าง ๆ และเข้าแทรกเพื่อให้แนวทางเด็กลองแปลงสภาพเลโก้เป็นรูปแบบต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมจินตนาการเพิ่มเติม เช่น ต่อเป็นเครื่องบินหรือรถ เป็นต้น
- เมื่อเด็กต่อเลโก้เป็นเครื่องบินหรือรถได้แล้ว ครูไม่ลืมที่จะกล่าวชม ก่อนชวนเด็กสนุกต่อด้วยการทำท่ายกเลโก้ชิ้นนั้นหรือยกตัวเด็กขึ้นบินบนอากาศ หรือเด็กที่ต่อเลโก้เป็นรถ ครูก็จะชวนเด็กทำท่าเข็นเลโก้รูปรถพร้อมทำเสียงประกอบ “บรื้น ๆ ๆ” อย่างสนุกสนาน
แม้เลโก้จะเป็นของเล่นที่ช่วยสร้างเสริมจินตนาการและพัฒนาการของเด็กได้ แต่การที่พ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้สอนหมั่นสังเกตและคอยเข้าแทรกเพื่อกระตุ้นพัฒนาการเด็กในจังหวะที่ถูกต้อง จะเป็นการต่อยอดการเล่นให้มีคุณค่ายอดเยี่ยมทั้งในด้านการกระตุ้นพัฒนาการและการสร้างสัมพันธภาพทางใจสมกับความหมายของ LEGO ได้อย่างแท้จริง
เครดิตข้อมูลเกี่ยวกับชื่อเลโก้: SME Thailand Online
เครดิตภาพ: https://unsplash.com/photos/HpMihL323k0 (Unsplash | Glen Carrie)
ติดต่อศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก”
บ้านอุ่นรักสวนสยาม: โทร: 086 775 9656
บ้านอุ่นรักธนบุรี ถนนพุทธมณฑลสายสอง: โทร: 087 502 5261
วันและเวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์ | 09.00 น. – 15.00 น.
Page 1 of 5812345...102030...»Last »