บ้านที่ปลอดภัย ใจลูกอุ่น | บ้านอุ่นรัก

เด็กออทิสติกวัยเด็กเล็กมักรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่คาดเดาได้ มีโครงสร้างชัดเจน และลดสิ่งรบกวน พ่อแม่สามารถจัดบ้านให้ลูก “รู้สึกปลอดภัย” ได้ง่าย ๆ ดังนี้

  • โซนเล่น – ใช้พรมหรือเสื่อยางกั้นพื้นที่ชัดเจน ของเล่นควรเก็บเป็นหมวดหมู่ในกล่องใส่ที่หยิบง่ายและเก็บคืนที่ได้สะดวก
  • โซนสงบ – จัดมุมเล็ก ๆ ด้วยเบาะนุ่ม หมอน ผ้าห่ม และของคุ้นเคย เช่น ตุ๊กตาตัวโปรด ให้ลูกใช้พักใจเวลารู้สึกเหนื่อยหรือกังวล
  • โซนกิจวัตร – ใช้บอร์ดภาพหรือกระดานติดรูปกิจกรรมประจำวัน เช่น ตื่นนอน แปรงฟัน กินข้าว เล่น เพื่อช่วยให้ลูกมองเห็นลำดับกิจกรรม ลดความสับสน และรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป

ง่าย ๆ น่าทำ แต่สร้างผลลัพธ์ได้ประทับใจ

  • จัดบ้านอย่างเป็นระบบ ลดเสียงดัง แสงจ้า และสิ่งรบกวน ลูกก็จะค่อย ๆ รู้สึกว่า “ที่นี่ปลอดภัย” และพร้อมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
  • จัดโซนนิ่งวันนี้ ให้บ้านกลายเป็นที่ที่ลูกได้พักใจ เติบโต และเรียนรู้อย่างมีความสุข

“บ้านอุ่นรัก” เสริมพัฒนาการเด็กออทิสติก สมาธิสั้น พัฒนาการช้าไม่สมวัย (เด็กวัย 2-5 ขวบ)

วันและเวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์ | 09.00 น. – 15.00 น.

บ้านอุ่นรักสวนสยาม ถนนสวนสยาม 24 แยก 2: โทร 086 775 9656 | LINE ID: 0867759656

บ้านอุ่นรักธนบุรี ถนนพุทธมณฑลสายสอง ซอย 26: โทร 087 502 5261 | LINE ID: @aunrak2

คู่ชีวิต…คู่พลังใจ: แนวทางการรักษาความสัมพันธ์ให้แข็งแรงขณะเลี้ยงดูลูกออทิสติก | บทความแปลสรุปความ

การดูแลลูกออทิสติกไม่ได้ทดสอบแค่บทบาท “พ่อแม่ผู้ดูแล” แต่ยังทดสอบ “หัวใจของคู่ชีวิต” ด้วย เพราะระหว่างทางมีทั้งความเหนื่อยล้า ความเครียด และความโดดเดี่ยวที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องอ่อนแรงลง หากทั้งคู่ “เลือกเดินไปด้วยกันอย่างเข้าใจ”

แนวทางการรักษาความสัมพันธ์ให้แข็งแรงขณะเลี้ยงดูลูกออทิสติก

1. ให้คำมั่นต่อกัน พูดกันตรง ๆ ว่า “เราจะอยู่ข้างกันเสมอ” และแบ่งหน้าที่ดูแลลูกให้ชัดเจนเพื่อให้รู้สึกเป็นทีมเดียวกัน มากกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องแบกไว้คนเดียว

2. พูดให้ฟัง ฟังให้เข้าใจ เมื่อมีความเห็นต่างเรื่องการบำบัดหรือการเลี้ยงดูลูก ให้คนหนึ่งพูด อีกคนก็ฟังโดยไม่ขัด แล้วสะท้อนกลับว่าสิ่งที่เข้าใจคืออะไร วิธีง่าย ๆ นี้ช่วยลดอารมณ์และเพิ่มความเข้าใจให้มากขึ้นได้จริง ๆ

3. นำเวลาแห่ง “สองเรา” กลับคืนมา แม้ภาระมาก แต่ควรหาช่วงเวลาสั้น ๆ เพียง 30 นาทีต่อวัน เช่น หลังลูกหลับ เพื่อคุยเรื่องอื่น ๆ (ไม่ใช่คุยกันแต่เรื่องลูก) ดูหนัง หรือดื่มชาด้วยกัน ให้หัวใจยังได้เชื่อมโยงในฐานะ “คู่รัก” ไม่ใช่แค่ “พ่อแม่”

4. แบ่งเบาภาระอย่างเท่าเทียม ช่วยกันทำสิ่งเล็ก ๆ เช่น ติดต่อหมอ เตรียมของใช้ หรือจัดบ้านบำบัด และอย่าลังเลที่จะขอแรงจากญาติหรือเพื่อน เพราะ “การมีเครือข่าย” คือพลังสำคัญของครอบครัว

5. ยืดหยุ่นและปรับตัวได้เสมอ การวางแผนไว้แต่ต้องปรับเปลี่ยนไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือการรักษาสมดุลเพื่อลดความตึงเครียดและลดการโทษกันไปมา

6. ดูแลใจตัวเอง พ่อแม่ที่อ่อนล้าย่อมยากจะเติมพลังให้ลูก ลองพักผ่อน พบเพื่อน หรืออ่านหนังสือ เพราะการดูแลตัวเองคือ “การดูแลหัวใจของทั้งบ้าน”

7. ยอมรับว่าเราไม่ต้องสมบูรณ์แบบ บางวันอาจพลาดหรือเหนื่อยจนพูดแรง ก็ให้อภัยกัน เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ แต่คือ “การพยายามทำให้ดีขึ้นในแต่ละวัน”

การดูแลลูกออทิสติกเป็นการทำภารกิจหัวใจของคนสองคนในฐานะคู่รักคู่ชีวิต เมื่อผ่านเรื่องยากไปด้วยกัน ความสัมพันธ์จะยิ่งมั่นคง และความสัมพันธ์ที่มั่นคงของคู่ชีวิตจะเป็นพลังแพ็คคู่ที่ช่วยให้ทั้งครอบครัวเติบโตไปพร้อมกันค่ะ

เครดิต: บทความต้นฉบับ: Autism Parenting Magazine. (2024). How to Keep Your Marriage Strong While Raising an Autistic Child. Stephanie Murphy, LMFT. August 13, 2025

Photo Credit: Original Photo by Hoi An Photographer on Unsplash – Re-styled via ChatGPT

ทุกคำที่ลูกตักเอง คือ รสชาติของความภูมิใจ | บ้านอุ่นรัก

การฝึกให้ลูกออทิสติก สมาธิสั้น หรือพัฒนาการช้า “กินอาหารได้ด้วยตนเอง” ไม่ใช่แค่เรื่องของมื้ออาหาร แต่คือการฝึก “สมาธิ” “การควบคุมร่างกายและการเคลื่อนไหวที่สอดประสานกันระหว่างตามองและมือเคลื่อนไหว” และ “วินัยในชีวิตประจำวัน” ที่สำคัญคือการทำให้ลูกรู้สึกภูมิใจที่ตนสามารถกินอาหารได้ด้วยตัวเอง

แนวทางฝึกให้ลูกทานอาหารเองอย่างมีความสุข

1. ฝึกให้นั่งกินอาหารอยู่กับที่
• จัดโต๊ะเก้าอี้ให้เหมาะกับตัวลูก
• ปิดจอ ไม่เดินป้อน
• ใช้เวลากินอาหารแต่ละมื้อราว 20–30 นาที
• นั่งใกล้ลูกเพื่อให้ลูกเรียนรู้ว่า “เวลากินข้าว = เวลานั่งโต๊ะ”

2. ฝึกให้ลูกตักข้าวกินเอง
• ใช้ช้อนขนาดพอดีมือ
• เริ่มจากพ่อแม่ช่วยแล้วค่อยลดการช่วยลง
• ไม่ต้องกลัวเลอะเพราะ “เลอะคือการเรียนรู้”
• ใช้คำพูดให้กำลังใจ เช่น “เก่งมากลูก ตักกินเองได้แล้ว!”

3. ฝึกให้ลูกกินอาหารครบจำนวนคำมากขึ้นตามวัย
• ตั้งเป้าตามช่วงอายุ เช่น 3 ขวบ กินเองหมดจานเล็กหรืออย่างน้อยตักกินได้เอง 10–15 คำ

4. ค่อย ๆ ลดการกินอาหารซ้ำ ๆ ตลอดจนค่อย ๆ เพิ่มอาหารหลากหลาย
• เปลี่ยนเมนูให้ครบ 5 หมู่
• ทำให้อาหารน่ากิน เช่น ตัดผักผลไม้เป็นรูปดาว
• ชวนลูกช่วยจัดจานหรือเลือกวัตถุดิบ
• หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด หวาน มัน เค็มเกินไป

พ่อแม่และครูที่ร่วมมือกันฝึกทักษะนี้ให้กับเด็ก ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนจะช่วยให้เด็ก ๆ กินอาหารเองได้รวดเร็วและดีขึ้น สุขภาพของเด็กก็จะแข็งแรงขึ้น ตลอดจนเด็กจะมีความสุขกับทุกมื้อในแต่ละวัน

 “ทุกคำที่ลูกตักเอง” คือ อีกหนึ่งก้าวแห่งการเติบโตที่น่าภาคภูมิใจค่ะ

“บ้านอุ่นรัก” เสริมพัฒนาการเด็กออทิสติก สมาธิสั้น พัฒนาการช้าไม่สมวัย (เด็กวัย 2-5 ขวบ)

วันและเวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์ | 09.00 น. – 15.00 น.

บ้านอุ่นรักสวนสยาม ถนนสวนสยาม 24 แยก 2 | โทร 086 775 9656 | LINE ID: 0867759656

บ้านอุ่นรักธนบุรี ถนนพุทธมณฑลสายสอง ซอย 26 | โทร 087 502 5261 | LINE ID: @aunrak2

Photo Credit: Laura Kimball on Unsplash re-styled via ChatGPT

“ลองชิมสักคำ” วิธีจูงใจให้ลูกออทิสติกเปิดใจลองอาหารใหม่

“ลองชิมสักคำ” วิธีจูงใจให้ลูกออทิสติกเปิดใจลองอาหารใหม่

เด็กออทิสติกจำนวนไม่น้อยมีความไวต่อระบบประสาทรับรู้สัมผัส (Sensory) ทำให้บางครั้งไม่คุ้นเคยกับรสชาติ เนื้อสัมผัส หรือกลิ่นของอาหารใหม่ ๆ การชวนให้ลูกเปิดใจลองอาหารจึงอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่ “บ้านอุ่นรัก” อยากบอกพ่อแม่ว่าหากทำอย่างต่อเนื่องและเลือกวิธีการที่เหมาะสม ลูกจะค่อย ๆ เปิดใจและพร้อมที่จะลองชิมด้วยตนเองในที่สุด

เคล็ดลับจูงใจให้ลูกออทิสติกลองอาหารใหม่

  1. เริ่มจากการ “เห็น” ก่อน “ชิม”
    ให้ลูกได้เห็นอาหารใหม่บนโต๊ะหรือในจานของพ่อแม่โดยไม่บังคับทันที การทำให้เด็กคุ้นตาคือก้าวแรกที่จะลดความกลัว
  2. ใช้การเล่นช่วยดึงดูด
    อาจให้ลูกลองแตะช้อนริมปาก แตะลิ้น หรือเล่นสนุก ๆ อย่าง “หอมแก้มอาหาร” เพื่อลดแรงกดดันและทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
  3. ชื่นชมเล็ก ๆ ทุกครั้งที่ลูกลอง
    แม้เพียงการแตะปลายลิ้นก็ควรให้คำชมเชิงบวก เช่น “เก่งมากเลย หนูลองได้แล้ว” สิ่งเล็ก ๆ นี้ช่วยสร้างแรงเสริมให้ลูกกล้าทำต่อ
  4. เริ่มจากคำเล็ก ๆ
    ไม่จำเป็นต้องกินคำใหญ่ ๆ เพียงเศษเล็กน้อยก็นับว่าเป็นความสำเร็จ จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มเมื่อเด็กเริ่มคุ้นเคย
  5. เลือกเวลาที่ใช่
    เลือกช่วงที่ลูกอารมณ์ดี ไม่หิวจัด ไม่เหนื่อย เพื่อป้องกันการต่อต้าน

ข้อควรระวัง

  • หลีกเลี่ยงการบังคับหรือกดดันเพราะจะยิ่งทำให้เด็กปฏิเสธ
  • อย่าตั้งเป้าหมายสูงเกินไป สนใจเพียง “คำเล็ก ๆ” ที่ลูกกล้าลองก็เพียงพอแล้ว
  • หากลูกมีอาการอาเจียนหรือสำลักบ่อย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการกลืนและแพทย์พัฒนาการเด็ก

ก้าวเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่

ในฐานะครูเสริมพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก” อยากให้พ่อแม่มองว่าการที่ลูกยอมลองชิมอาหารใหม่ ๆ เพียงคำเดียวนั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะลูกได้ก้าวผ่านความลังเลไปสู่การ “เปิดใจและทำได้จริง”

ทุกคำใหม่ ๆ ที่ลูกกล้าลอง คือการเปิดโลกการเรียนรู้และช่วยเติมความมั่นใจเล็ก ๆ ให้ค่อย ๆ เติบโตขึ้นในใจของเขา … ลองค่อย ๆ ชวนลูกชิมอาหารใหม่ ๆ ไปด้วยกันเพื่อให้เขารู้ว่า “สิ่งใหม่ ๆ ก็ปลอดภัยและทำได้” นะคะ

“เริ่มต้นสอนลูกที่บ้าน” | 5 แนวทางสร้างพลังให้พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก | บ้านอุ่นรัก

ก้าวแรกของการสอนลูกที่บ้าน อาจดูยาก…แต่มันไม่เกินใจพ่อแม่แน่นอน

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองที่จะเริ่มต้นสอนลูกที่มีปัญหาพัฒนาการด้วยตัวเองที่บ้านควบคู่ไปกับการพาลูกไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก (หรือจิตแพทย์เด็ก) นักบำบัด หรือครูเสริมพัฒนาการเด็ก คุณอาจเกิดคำถามว่า…“จะเริ่มยังไงดี?” หรือแม้แต่ “เราจะช่วยลูกได้จริงหรือ?”

จากประสบการณ์กว่า 30 ปีของบ้านอุ่นรัก เราได้ร่วมเดินทางกับครอบครัวนับร้อยและได้เห็นด้วยตาว่าเมื่อพ่อแม่ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง การสอนลูกที่บ้านคือสิ่งที่ “เป็นไปได้จริง”

เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ เราขอแบ่งปัน 5 แนวทางง่าย ๆ ที่ใครในครอบครัวก็สามารถทำได้เพื่อสั่งสมเทคนิคการสอนลูกให้เห็นผลได้เร็วขึ้นเพื่อให้คุณมีพลังใจก้าวเดินต่อไป

5 แนวทางสร้างพลังให้พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก

1. มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการบำบัด: เปลี่ยนบทบาทของคุณจาก “ผู้พาลูกหลานไป” มาเป็น “ผู้ร่วมทางกับเด็กและทีมบำบัด” การพูดคุยกับทีมบำบัด เข้าร่วมดูแล สังเกตวิธีสอน และถามไถ่ความคืบหน้าจะทำให้คุณเข้าใจวิธีการที่ใช้ได้ผล และได้นำสิ่งที่ได้รู้ ได้เห็น ได้รับคำแนะนำมาลองใช้จริงที่บ้าน

2. ใช้เวลากับลูกในกิจวัตรประจำวัน: ช่วงเวลาเล็ก ๆ อย่างแปรงฟัน เล่น หรือกินข้าว คือโอกาสทองในการสอน เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกับลูกเป็นประจำสม่ำเสมอทุกวัน ใส่ใจให้ลูกรับรู้ ชวนทำซ้ำ ๆ ทุกวัน ลูกจะค่อย ๆ คุ้นเคย เปิดใจ และเรียนรู้ผ่านความรักของคุณ

3. ลงมือทำจริงตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ: ไม่ต้องรอให้ทุกอย่าง “พร้อมสมบูรณ์” ขอให้ลองทำก่อน เปิดใจที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมภายหลัง อย่ากลัวที่จะถามหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากทีมบำบัดหรือผู้ปกครองท่านอื่นที่เคยผ่านเส้นทางนี้มาก่อน การลงมือทำคือวิธีเรียนรู้ที่จะเป็นครูของลูกที่ดีที่สุดของคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครอง

4. ปรับวิธีให้เหมาะกับบ้านของเรา: บ้านแต่ละหลังมีความต่าง วิธีการจึงต้องยืดหยุ่น ไม่ต้องเหมือนใคร ขอแค่ “เหมาะกับลูกของเรา” และอย่าลืมแบ่งปันสิ่งที่ค้นพบให้ทีมบำบัดรับรู้เพื่อช่วยกันพัฒนาแนวทางที่ดีที่สุดร่วมกัน

5. เปิดโอกาสให้ลูก “ทำซ้ำ” ทุกวัน: เด็กที่มีปัญหาพัฒนาการต้องการเวลาและการฝึกซ้ำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การฝึกฝนทำซ้ำทุกวันจะเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้สำหรับเด็กที่มีปัญหาพัฒนาการ การทำซ้ำ ทำบ่อย ๆ จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดี จดจำขั้นตอนได้อย่างแม่นยำ จนทำสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ความสำเร็จเล็ก ๆ ที่เกิดจากการฝึกทำซ้ำ ๆ คือก้าวย่างที่สำคัญของทุกครอบครัว

แม้เส้นทางของ “การสอนลูกที่บ้าน” จะต้องใช้เวลา ความอดทน และการปรับตัว แต่เมื่อคุณเดินไปพร้อมกับลูกโดยไม่ละทิ้งกันกลางทาง เสียงหัวเราะ แววตา และความสำเร็จของลูก…จะตอบแทนคุณอย่างงดงาม

คุณพ่อคุณแม่คือครูที่ดีของลูกเสมอ และเมื่อถึงวันหนึ่ง…คุณจะรู้ด้วยหัวใจว่า “เราทำได้