เจือความขัดแย้งให้จาง เพื่อสร้างทางแห่งรักให้มั่นคง | บ้านอุ่นรัก

เจือความขัดแย้งให้จาง เพื่อสร้างทางแห่งรักให้มั่นคง | บ้านอุ่นรัก

เนื่องในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2565 นี้ ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก” ขอชวนคิดเรื่องความขัดแย้งบนเส้นทางแห่งความรัก เพราะความขัดแย้งเป็นปัญหาสำคัญ ที่ทำให้ระดับความรักถดถอย ความสุขในชีวิตคู่ลดน้อยลง เป็นรักที่พบอุปสรรค เกิดความรู้สึกแย่ ถูกทำให้น้อยใจและเสียใจ ซึ่งในโลกความจริง ความขัดแย้งเกิดขึ้นแน่ เพราะไม่มีคู่รักคู่สมรสใดสมบูรณ์แบบ

ข้อคิด “เจือความขัดแย้งให้จาง เพื่อสร้างทางแห่งรักให้มั่นคง”

  • ตัวตั้งของการรักษาชีวิตคู่และชีวิตสมรส คือ เราทั้งคู่มีเป้าหมายและพันธสัญญาตั้งใจมั่นร่วมกันว่าจะรักษาสัมพันธภาพแบบคู่แท้ไปอย่างยาวนาน และเราอาจเป็นเพื่อนแท้กันตลอดไป
  • พันธสัญญาช่วยผลักดันให้เราทั้งสองฝ่ายมีแรงจูงใจที่จะใช้ความพยายามสูงสุดในการรักษาสัมพันธภาพต่อไป ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อมีเป้าหมายร่วมกัน สองพลังจะช่วยกันออกแรง แก้ไข และผ่านพ้นทุกข้อขัดแย้งไปได้ในที่สุด
  • เราต่างฝ่ายจะตั้งใจมั่นว่าเราต้องทำให้ดีที่สุดในส่วนของตนเอง ลดความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงใคร เพราะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงใครได้ ยกเว้นคน ๆ นั้นต้องการเปลี่ยนแปลงตนเอง
  • บ่อยครั้งที่ปัญหาของคู่รักคู่สมรสไม่ได้เป็นผลจากข้อบกพร่องหรือความผิดพลาดของใครคนใดคนหนึ่ง บางเหตุการณ์มีแนวโน้มที่คนเราจะมีวิธีตอบโต้กับปัญหาแบบเดิม แต่ในบางเหตุการณ์อาจแตกต่างออกไปแล้วแต่สถานการณ์ ดังนั้น คู่สมรสจำเป็นต้องรู้เท่าทันว่าปัญหาอาจเกิดจากวิธีการโต้ตอบซึ่งกันและกันในแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
  • ในการร่วมกันแก้ปัญหา คู่รักคู่สมรสจำเป็นต้องค้นหาวิธีการประนีประนอม เรียนรู้ที่จะยอมรับกันและกัน ในแบบที่ไม่มีใครเหมือนใคร และหาทางประนีประนอมจัดการกับความแตกต่าง หาทางแก้ปัญหาแบบที่ทั้งคู่ได้รับการตอบสนองอย่างเข้าใจ และได้รับการยอมรับกันและกันแบบวินวิน (Win Win) ทั้งสองฝ่าย
  • การบำบัดปัญหาความขัดแย้งแนวใหม่ไม่ได้มุ่งให้อีกฝ่ายพูดถึงข้อเสียที่ต้องการให้อีกฝ่ายแก้ไข เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบ และกำหนดผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเรื่องมุมมอง ซึ่งมี 2 ประเด็นที่สำคัญคือ
  1. มุมมองที่เรามีต่อฝ่ายตรงข้าม: ชวนให้ฝ่ายที่รู้สึกขัดแย้งใช้เวลาในการมองย้อนกลับไปว่าอีกฝ่ายมีคุณค่าอย่างไร มีความดีงามที่เคยทำให้และความดีงามที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาอย่างไร อาจเขียนออกมาเป็นข้อ ๆ
  2. มุมมองในส่วนของตนเอง: สำรวจตนเองว่าจะมีส่วนปรับปรุงเพื่อร่วมรับผิดชอบความสัมพันธ์ในส่วนของตนเองได้อย่างไร
  • ทุกครั้งที่ขัดแย้งตลอดระยะการใช้ชีวิตคู่ แต่ละฝ่ายจำเป็นต้องตั้งใจมั่นที่จะตรวจสอบและปรับปรุงในส่วนของตนเอง โดย
    1. ตระหนักว่าบ่อยครั้ง บุคลิกภาพ ความฝังใจในอดีต หรือความไม่เป็นกลางในความคิดของเรา อาจส่งผลต่อการเป็นคู่ชีวิตที่ดี ดังนั้น เมื่อขัดแย้งและมีเหตุการณ์สำคัญ เราต้องไม่ลืมที่จะสำรวจ ยอมรับ และปรับในส่วนของตนเอง
    2. นิ่งฟังมากขึ้น ลดการโต้ตอบแบบทันทีทันใด เพื่อพยายามจับประเด็นที่อีกฝ่ายสื่อสารความจริงหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจับความรู้สึกที่อีกฝ่ายพยายามสื่อสารออกมา เพื่อให้คู่ของเรารู้สึกปลอดภัย ได้รับความเห็นอกเห็นใจ และรู้สึกเป็นที่ยอมรับ
    3. ปรับการใช้คำพูดและระดับน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ โดยเฉพาะเมื่อมีความขัดแย้ง เราจะตั้งใจที่จะไม่เพิ่มความโกรธหรือแสดงความเป็นปรปักษ์
    4. นอกจากเราแต่ละฝ่ายจะช่วยกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ในระยะยาว เรายังจำเป็นต้องหาวิธีบำรุงรักษาความสัมพันธ์ โดยหาวิธีที่จะแสดงออก และแสดงออกบ่อยครั้งขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายสัมผัสได้ชัดถึงความรัก ความเสน่หาที่ยังคงมีอยู่ตลอดไป
    5. เราจะมีความอบอุ่นใจเมื่อตระหนักถึงคุณค่าทั้งของตนเองและคู่รักที่เคียงข้างเราตลอดมา เราจะยอมรับกันและกันในแบบที่ไม่มีใครเหมือนใครมากขึ้น เราจะปรับปรุงวิธีคิด วิธีสื่อสาร และการแสดงออกเพื่อจะอยู่ร่วมกันอย่างรู้สึกปลอดภัยและเข้าใจซึ่งกันและกัน พร้อมกันนั้น ตลอดเส้นทางชีวิตคู่ เราจะไม่ลืมจุดไฟความรักโรแมนติก ความสุข  ความสนุกสนานที่ได้สบตา มองหน้า และหัวเราะสนุกด้วยกัน เพื่อกลับคืนสู่ความสัมพันธ์แบบคู่แท้ที่ใกล้ชิดทางใจอย่างดีที่สุด

“บ้านอุ่นรัก” หวังว่าข้อคิดจากเราอาจมีประโยชน์ เป็นข้อคิดที่ใช้ได้ และคู่รักคู่สมรสได้นำไปใช้ เพื่อบำบัดความขัดแย้งได้ในบางเวลา จนก้าวผ่านความยากลำบากไปด้วยกัน

Happy Valentine’s Day สุขสันต์วันแห่งความรัก

5 สิ่งที่ต้องทำ เพื่อสั่งสมเทคนิคการสอน | บ้านอุ่นรัก

5 สิ่งที่ต้องทำ เพื่อสั่งสมเทคนิคการสอน | บ้านอุ่นรัก

สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง และคนในครอบครัวของลูก ที่เพิ่งเริ่มต้นสอนลูกที่บ้านด้วยตนเองคู่ขนานไปกับการพาลูกไปพบแพทย์ ทีมบำบัด ครูกระตุ้นพัฒนาการเด็ก หรือโรงเรียน ท่านอาจสงสัยว่าท่านต้องใช้วิธีการใดในการสอนลูกเพื่อให้การสอนที่บ้านประสบความสำเร็จ

ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก” ขอเสนอแนะ 5 แนวทางง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ ที่คนที่บ้านสามารถทำตามได้และช่วยให้ท่านรู้เทคนิคการสอนลูกที่มีปัญหาด้านพัฒนาการที่บ้านได้อย่างรวดเร็วขึ้น

5 แนวทางที่ “บ้านอุ่นรัก” ขอแนะนำให้ใช้ เพื่อคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง และคนที่บ้านเกิดการสั่งสมเทคนิคการสอน

  1. ต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการบำบัดรักษาลูกให้มากที่สุด การเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้ท่านรู้เทคนิค ได้เคล็ดลับ และเข้าใจวิธีการสอนที่ทำได้ผลจริง ทั้งนี้ การมีส่วนร่วมทำได้โดยพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลบำบัดรักษาลูก เข้าร่วมสังเกตการณ์ในขณะที่ลูกเข้ารับบริการกระตุ้นพัฒนาการ เข้าร่วมประชุมกับทีมบำบัดมืออาชีพ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องความคืบหน้าของอาการตลอดจนวิธีการเพิ่มเติมที่ทีมมืออาชีพแนะนำให้ใช้ เป็นต้น
  2. ต้องใช้เวลาคลุกคลีกับลูกเพื่อทำกิจวัตรประจำวันทุกวัน การใช้เวลาร่วมกันเพื่อทำกิจวัตรประจำวันสามารถแทรกกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นพัฒนาการให้เกิดขึ้นจริงในวิถีชีวิตประจำวัน แต่ต้องทำบ่อย ๆ ในระหว่างวันและทำทุกวันจึงจะได้ผลจริง ทั้งนี้ เมื่อท่านคลุกคลีกับลูกบ่อย ๆ ลูกจะเกิดความเคยชินที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับท่าน ลดการแยกตัว เปิดใจรับ และเต็มใจเข้าร่วมทำกิจกรรมตรงหน้ากับท่านด้วยความสนุก ซึ่งจะส่งผลให้ท่านสอนลูกที่บ้านได้ง่ายขึ้นและได้ผลดีอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
  3. ต้องลงมือทำจริงตามหลักการที่ทีมบำบัดมืออาชีพแนะนำ การลงมือทำจริงเป็นการสั่งสมประสบการณ์การสอนผ่านการลองผิดลองถูกโดยไม่ย่อท้อ แต่หลักการที่ทีมบำบัดมืออาชีพแนะนำจะเป็นแกนกลางให้ท่านสอนลูกได้สำเร็จ ทั้งนี้ เมื่อมีข้อสงสัย ท่านสามารถขอคำแนะนำและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากทีมบำบัดมืออาชีพหรือจากเพื่อนผู้ปกครองที่มีประสบการณ์ใกล้เคียงกัน การปรึกษาหารือนี้ จะช่วยให้ท่านรู้ว่าสิ่งที่ลองผิดลองถูกนั้นมีข้อบกพร่องที่จุดไหน และรู้วิธีแก้ไขปัญหาตรงตามปัญหาที่เกิดขึ้นจริง นอกจากนั้น ท่านยังได้เพื่อนผู้เปิดใจและเต็มใจรับฟังปัญหาของท่าน ซึ่งจะทำให้ท่านรู้สึกสบายใจขึ้นแม้จะพบโจทย์ยากหรือปัญหาใหม่ในระหว่างการลงมือทำ ก็จะไม่หมดกำลังใจที่จะค้นหาและปรับเปลี่ยนวิธีการจนพบวิธีการที่เหมาะสมกับธรรมชาติของลูกอย่างแท้จริง
  4. ต้องปรับแต่งเทคนิควิธีการให้เหมาะสมกับสภาพชีวิตในบ้านอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด การปรับแต่งวิธีการสอนเป็นสิ่งจำเป็นเพราะสภาพชีวิตจริงในขณะที่ลูกอยู่ที่บ้านเป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุมของทีมบำบัดมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม ท่านควรแบ่งปันข้อมูลวิธีการสอนลูกที่บ้านที่ท่านค้นพบให้ทีมบำบัดมืออาชีพทราบ เพื่อทีมบำบัดมืออาชีพสามารถประเมินข้อดีข้อเสียตามหลักวิชาการ ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการสอนลูกต่อไป
  5. ต้องเปิดโอกาสให้ลูกลงมือทำซ้ำ เพราะการทำซ้ำ ทำบ่อย ๆ เป็นวิธีที่ดีในการสร้างเสริมทักษะและสอนลูกที่บ้าน การทำซ้ำทำให้ลูกมีโอกาสได้ฝึกฝน เข้าใจสิ่งที่ท่านสอนอย่างเป็นรูปธรรม ได้ลงมือทำในขณะดำเนินชีวิตประจำวันจริงที่บ้าน จนกระทั่งลูกทำสิ่งต่าง ๆ สำเร็จได้ด้วยตัวของลูกเอง

กระบวนการสั่งสมเทคนิคการสอนเป็นเรื่องที่คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง และคนที่บ้าน สามารถทำได้แม้ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง แต่ในระหว่างทางของการสั่งสมเทคนิควิธีการสอนเพื่อปรับเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นครูที่ดีที่สุดของลูก “บ้านอุ่นรัก” มั่นใจว่าคนที่บ้านที่ใช้เวลาอยู่กับลูกย่อมจะได้รับความสุขและพลังใจจากแววตา เสียงหัวเราะ และอ้อมกอดที่ลูกมอบกลับคืนมาให้ ซึ่งวันเวลาร่วมกันบนเส้นทางการเจริญเติบโตของลูกนี้จะเป็นประสบการณ์ความสุขที่มีค่าสูงสุดในชีวิตของพ่อแม่ลูกอย่างแท้จริง

เครดิตภาพ: Unsplash | Yoann SiloIne

5 เหตุผลที่คนที่บ้านเป็นครูที่ดีที่สุดของลูก | บ้านอุ่นรัก

5 เหตุผลที่คนที่บ้านเป็นครูที่ดีที่สุดของลูก | บ้านอุ่นรัก

สืบเนื่องจากวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมาเป็น “วันครูแห่งชาติ” พวกเราทีมครูกระตุ้นพัฒนาการเด็กของศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก” จึงอยาก Cheer Up สนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง และสมาชิกแต่ละท่านในครอบครัวของลูก เกิดความมั่นใจและมีพลังใจตั้งใจมั่นว่าทุกท่านที่บ้านก็สามารถเป็น “ครูคนสำคัญและยังเป็นครูที่ดีที่สุดของลูกอีกด้วย” เพราะบทบาทของท่านในการทำงานคู่ขนานไปกับแพทย์ ทีมบำบัด ทีมครูกระตุ้นพัฒนาการเด็ก และโรงเรียนของลูก จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและพลิกชีวิตลูกได้เป็นอย่างดี

5 เหตุผลที่คนที่บ้านเป็นครูที่ดีที่สุดของลูก

  1. รักของท่านเป็นรักแท้ จึงไม่คิดยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด

การดูแล เลี้ยงดู ฝึกทักษะ และสร้างเสริมพัฒนาการให้ลูกที่มีปัญหาด้านพัฒนาการเป็นงานหนักที่ต้องอาศัยทั้งความรัก ความอดทน และความพยายามสูง อีกทั้ง ในระหว่างทางที่ลูกเจริญเติบโตจะมีเจอโจทย์ยาก ๆ และความท้าทายหลายรูปแบบมาทดสอบความตั้งใจทำและความอดทน นอกจากนี้ การเสริมสร้างพัฒนาการเด็กเป็นงานที่ต้องใช้การลงมือทำจริงอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่ยาวนานมากพอจึงจะสำเร็จ และเป็นความสำเร็จไปทีละขั้น ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง และคนที่บ้านซึ่งรักลูกเต็มเปี่ยมอย่างไร้เงื่อนไขจึงเป็นครูที่ดีที่สุดที่จะใช้ทั้งความรัก ความปรารถนาดี ความอดทน และความพยายามในการฟันฝ่าอุปสรรคและผลักดันโครงการระยะยาวนี้ให้สำเร็จได้แบบไม่ย่อท้อและไม่ถอดใจ

  1. ลูกไว้ใจและรู้สึกปลอดภัยที่สุดเมื่อได้อยู่กับท่าน

ลูกออทิสติก สมาธิสั้น พัฒนาการช้ากว่าวัยมักปรับตัวยากเมื่อพบคนกลุ่มใหม่ อยู่ในสถานการณ์ใหม่ และต้องเรียนรู้สิ่งใหม่  ดังนั้น การที่คนที่บ้านซึ่งลูกไว้วางใจและรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่ได้อยู่ด้วย เข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการสอน ดูแล กระตุ้นพัฒนาการ และบำบัดรักษา จะช่วยให้ลูกเปิดใจได้เร็ว ลดระยะเวลาการปรับตัวของลูก และส่งผลดีต่อการเรียนรู้สิ่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

  1. ท่านรู้จักลูกและธรรมชาติของลูกมากกว่าใคร

คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง และคนที่บ้านเป็นคนกลุ่มเดียวที่รู้อย่างถ่องแท้ว่าลูกมีบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัย ความชอบหรือไม่ชอบอย่างไร จึงสามารถบูรณาการวิธีการที่ได้เรียนรู้จากทีมบำบัดเพื่อประยุกต์ใช้ ปรับแต่งให้สอดคล้องกับธรรมชาติและตัวตนของลูกได้ดีที่สุด

  1. คนที่บ้านอยู่เคียงข้างลูกตลอดชีวิต

การคลี่คลายปัญหาด้านพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย ตลอดจนการต่อยอดพัฒนาการตามวัยแต่ละวัย ต้องฝึกฝนและหมั่นทำอย่างต่อเนื่อง ทำซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ ให้เกิดขึ้นจริงในวิถีชีวิตประจำวันของลูก ดังนั้น คนที่บ้านที่อยู่เคียงข้างลูกตลอดชีวิตจึงเป็นครูคนสำคัญที่ต้องมีทักษะการสอนเพื่อสามารถสอนลูกให้เรียนรู้สิ่งใหม่ในชีวิตประจำวันตามวัยได้สำเร็จ นอกจากนี้ ในขณะที่ลูกเจริญเติบโต ลูกจะพบโจทย์และเรื่องราวใหม่ ๆ ให้ต้องเรียนรู้และต่อยอด คนที่บ้านจึงเป็นครูที่ดีที่สุดเพราะสอนได้ต่อเนื่องยาวนานตามลำดับตามวัย การได้อยู่เคียงข้างและคอยสังเกตพัฒนาการจะส่งผลต่อการพัฒนาทักษะการสอนของคนที่บ้านให้ทำได้ดียิ่งขึ้น จนในที่สุดคนที่บ้านก็จะสามารถย้อนคิดประสบการณ์ในอดีตและคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าคนกลุ่มอื่น ๆ ที่เป็นครูในชีวิตลูก

  1. คนที่บ้านเป็นจุดศูนย์รวมของข้อมูลและเทคนิควิธีการที่ได้เรียนรู้จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดรักษาลูก

ตลอดเส้นทางการเลี้ยงดูลูก คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง และสมาชิกในบ้านของลูกจะได้รับฟังและเรียนรู้แนวทางการบำบัดรักษา การดูแล และการเลี้ยงดูจากแพทย์ ทีมบำบัด ครูกระตุ้นพัฒนาการ โรงเรียน และเพื่อนผู้ปกครองด้วยกัน คนที่บ้านจึงสามารถประมวลทุกประสบการณ์และองค์ความรู้มาผสมผสานกับความเป็นตัวตนของลูกได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

ด้วยคุณสมบัติทั้ง 5 ประการข้างต้น “บ้านอุ่นรัก” มองไม่เห็นว่าใครจะมีได้ครบเท่ากับคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง และคนที่บ้าน เราจึงขอยกย่องให้คนที่บ้านเป็น “ครูที่ดีที่สุดของลูก” และจะสนับสนุนบทบาทนี้ของท่าน ด้วยการส่งต่อข้อมูลด้านการดูแลและเลี้ยงดูที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อให้ท่านสามารถสร้างเสริมและต่อยอดพัฒนาการของลูกได้ตามวัยต่อไป

Photo Credit: Freepik | Vectors

5 แนวทางในการปรับวิถีชีวิตเพื่อการเลี้ยงดูลูกอย่างมีความสุข | บ้านอุ่นรัก

5 แนวทางในการปรับวิถีชีวิตเพื่อการเลี้ยงดูลูกอย่างมีความสุข | บ้านอุ่นรัก

1. ปรับเปลี่ยนทัศนคติ

  • เปิดใจยอมรับธรรมชาติตามที่ลูกเป็น ลูกยังคงเป็นเด็กน้อยคนเดิมที่เรารัก ลูกของเราไม่ใช่เด็กที่บุบสลาย และยังคงมีศักยภาพซ่อนอยู่ในตัวเหมือน ๆ กับเด็กทุกคน
  • ลูกเป็นเด็กที่มีวิถีการเรียนรู้ที่แตกต่าง ดังนั้น การสอนและเลี้ยงดูลูกจึงจำเป็นต้องใช้วิธีการที่แตกต่างหรืออาจใช้เวลามากกว่าปกติในระยะแรก
  • ทำทุกวันให้ดีที่สุดสำหรับลูกพร้อมไปกับการอนุญาตให้ตนเองมีความสุขให้ได้

2. ปรับตนเองให้เป็นพ่อแม่นักบำบัด

  • หาความรู้เรื่องแนวทางการบำบัด ทำความเข้าใจเรื่องอาการของลูก และเริ่มต้นเรียนรู้ให้เร็วที่สุดว่าเราจะเป็นพ่อแม่นักบำบัดได้อย่างไร
  • เริ่มลงมือทำด้วยตนเองคู่ขนานไปกับการบำบัดรักษาจากนักบำบัดมืออาชีพ โดยรับคำแนะนำจากแพทย์และทีมบำบัด ตลอดจนเข้าร่วมคอร์สหรือเรียนรู้อาการของลูก
  • ก้าวแรกที่สำคัญที่พ่อแม่ร่วมเป็นนักบำบัดจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและยังช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ก้าวหน้าเร็วกว่าการรอรับบริการจากภายนอกแต่เพียงทางเดียว

3. ปรับเปลี่ยนสมาชิกในบ้านให้เป็นทีมบำบัด

  • จากการศึกษาทั้งในและต่างประเทศพบว่าการกระตุ้นพัฒนาการและปรับพฤติกรรมลูกออทิสติกนั้นต้องทำให้ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน โดยเฉพาะการเกิดในชีวิตจริงที่บ้าน สมาชิกทุกคนในบ้านจึงเป็น Keyman หรือบุคคลสำคัญที่จะทำให้ทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ
  • พ่อแม่และสมาชิกในบ้านพูดคุยกันและจัดแบ่งหน้าที่ในการช่วยกระตุ้นพัฒนาการและปรับพฤติกรรม พุดคุยตกลงกันว่าใครสามารถทำสิ่งใดได้ ในเวลาใด เช่น แม่รับหน้าที่ฝึกลูกเรื่องทักษะการสานต่อการสนทนาและการทำกิจวัตรประจำวันเรื่องการตื่นนอน การทานอาหาร พ่อชวนลูกทำกิจกรรมสร้างสรรค์นอกบ้าน พี่ชวนน้องกันเตะฟุตบอลหรือขี่จักรยานร่วมกันยามเย็น คุณยายช่วยฝึกหลานให้ช่วยเหลือตนเองในการอาบน้ำ แต่งกาย
  • หากทุกคนร่วมมือกันลงมือทำไปเรื่อย ๆ อย่างมีทิศทาง ในที่สุด ลูกจะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยฝีมือของคนในครอบครัวเอง

4. ปรับการจัดสรรเฉพาะกันไว้ให้ลูก

  • การจัดเวลาเฉพาะไว้ให้ลูกนี้ควรใช้เวลาแต่ละช่วงไม่ต่ำกว่า 10-15 นาที ทำให้ได้วันละหลาย ๆ รอบ แม้การทำแบบนี้อาจทำให้พ่อแม่เสียเวลาส่วนตัวไปบ้าง แต่จะได้เวลาคุณภาพที่ได้อยู่กับลูก
  • การกันเวลาที่มีค่าเฉพาะไว้เพื่อลูกเป็นเสมือนของขวัญที่พ่อและแม่ได้มอบให้กับลูก และเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่เปี่ยมไปด้วยรักและอบอุ่นสำหรับครอบครัวได้อย่างแท้จริง

5. ทำใจยอมรับความช่วยเหลือยามจำเป็น

  • เราไม่สามารถเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบหรือพร้อมรับมือตลอดเวลา โดยเฉพาะในการเลี้ยงดูลูกที่ใช้พลังกาย-ใจ มากกว่าการเลี้ยงดูตามปกติ ย่อมทำให้พ่อแม่เกิดความเหนื่อยล้า ดังนั้น ในบางเวลาเราจำเป็นต้องเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างบ้าง
  • พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องเป็นซุปเปอร์พ่อแม่ที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตนเองไปสียทั้งหมด ลองมองไปรอบ ๆ ตัว แล้วจะพบคนที่ปรารถนาดีรอให้ความช่วยเหลือในรูปแบบที่เขาทำได้อยู่รายรอบ เช่น คุณน้าข้างบ้านที่อาสาดูแลลูกให้เราสักครึ่งชั่วโมงในขณะที่เราไปซื้อของที่ตลาด เพื่อนของเราที่จะช่วยดูแลลูกในขณะวันที่เราไม่สบาย เพื่อนของพ่อที่เป็นเพื่อนเล่นฟุตบอลกับลูกของเราพร้อม ๆ ไปกับลูกของเขา เป็นต้น
  • เพียงเรายอมรับว่าเราทำทุกอย่างเองไม่ได้ เราเปิดใจให้ลูกได้เป็นเด็กที่น่ารักของคนรอบข้างที่รักและพร้อมมอบความปรารถนาดีอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในที่สุด เพื่อนบ้านของเรา เพื่อนของเรา ญาติพี่น้องของลูก หรือแม้แต่พี่พนักงานขายของที่ร้านสะดวกซื้อ จะเปิดใจรับลูก ทำความรู้จักกับลูก มองเห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของลูกและอ้าแขนรอกอดลูกที่น่ารักของเรา

เราทุกคนที่ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก “บ้านอุ่นรัก” จะอยู่ตรงนี้เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังใจผู้มีรอยยิ้ม อ้อมกอดที่จริงใจ และพร้อมจะดูแลคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง และเด็กๆ อย่างดีที่สุดที่เราทำได้ค่ะ

เครดิตภาพ: Unsplash | Edgar Chaparro

 

6 องค์ประกอบการเล่น…เน้น…การสร้างเสริมพัฒนาการเด็ก | บ้านอุ่นรัก

6 องค์ประกอบการเล่น…เน้น…การสร้างเสริมพัฒนาการเด็ก | บ้านอุ่นรัก

  1. แทรกการเล่นร่วมกันหลากหลายรูปแบบบ่อย ๆ ในระหว่างวัน เพื่อ (1) ลดการอยู่กับตัวเอง และ (2) สร้างเสริมพัฒนาการที่รอบด้านให้กับเด็ก
  2. สอนเด็กเล่นของเล่นให้เป็นด้วยการสาธิต เล่นให้ดู จับมือนำเด็กให้เล่นตามวัตถุประสงค์ของ ๆ เล่นชิ้นนั้น ๆ เช่น หยอด ตัก หมุน ใส่ ปักลงไป เป็นต้น โดยไม่ปล่อยให้เด็กนำสิ่งนั้นมาเล่นหรือสร้างรูปแบบการทำบางอย่างซ้ำ ๆ ตามแบบเฉพาะตัวของตนเอง
  3. หาวิธีนำของเล่นชิ้นนั้น ๆ มาแปลงสภาพใหม่ ๆ ให้ได้อย่างน้อย 3-5 แบบ เช่น ลูกบอล ใช้เล่นโยนรับ-ส่ง แตะ ปาเป้า กลิ้ง นำไปแอบให้เด็กค้นหา พูดบอกสี-บอกรูปทรง เป็นต้น
  4. ต่อยอดการเล่นให้หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น เช่น บล้อค นำมาเรียงเป็นรูปทรงต่าง ๆ หรือต่อเป็นรถไฟ สะพาน บ้าน โต๊ะ หรือดินน้ำมัน นำมาปั้นเป็นรูปทรงต่าง ๆ ปั้นเป็นอาหาร ดอกไม้ ตัวสัตว์ ปั้นเป็นถนน-สะพาน-ทางยกระดับ หรือวาดภาพวงกลมแล้วแปลงวงกลมเป็นภาพอื่น ๆ ที่หลากหลาย เช่น เติมรัศมีเป็นพระอาทิตย์ เติมกลีบให้กลายเป็นดอกไม้ ลูกโป่ง ลูกชิ้นเสียบไม้ หรือลูกบอลที่มีลวดลายเพิ่มเติม เป็นต้น
  5. ผสมการเล่นบทบาทสมมุติประกอบในการเล่นของเล่นแต่ละชิ้น เช่น เล่นหม้อข้าว-หม้อแกง-จาน-ชาม-แก้วน้ำ ด้วยการทำท่าปรุงอาหาร ซื้อ-ขายอาหาร เล่นตุ๊กตา หวีผม-แต่งตัว-ชวนน้องตุ๊กตาพูดคุย เล่านิทานให้น้องตุ๊กตาฟัง
  6. เพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์แบบสองทางกับเด็กในระหว่างการเล่นด้วยการสบตา ชวนพูดคุย สร้างบทสนทนาที่เป็นเรื่องราวประกอบการเล่น สัมผัสศีรษะ โอบไหล่ เตะบ่าด้วยความนุ่มนวล ยิ้มและหัวเราะร่วมกัน

ว่างเมื่อไรก็เข้าไปเล่นกับเด็ก ๆ กันนะคะ ในระยะแรก เด็ก ๆ อาจไม่คุ้นเคย พยายามแยกตัว ขัดขืน ไม่เล่นร่วมกับเรา แต่เพราะเราใช้ความอดทน ใจเย็น เมตตา รอยยิ้ม และที่สำคัญคือการตื้อ เด็กจะค่อย ๆ คุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับเรา เล่นร่วมกับเรา สนุก เพลิดเพลิน สบตา ยิ้มและหัวเราะไปด้วยกันกับเรา ซึ่งจะเป็นวิธีส่งต่อพลังความรักที่เรามีให้เด็ก ๆ ได้รับรู้ ตลอดจนเราเองก็จะได้รับพลังจากความน่ารัก สดใส และไร้เดียงสา เพื่อรดหัวใจเราให้ชุ่มชื่นได้อีกครั้งค่ะ

เครดิตภาพ: Unsplash | Marisa Howenstine