“บ้านอุ่นรัก” กับภารกิจฝึกลูกออทิสติกนั่งอยู่กับที่ | บ้านอุ่นรัก

“บ้านอุ่นรัก” กับภารกิจฝึกลูกออทิสติกนั่งอยู่กับที่ | บ้านอุ่นรัก

การฝึกลูกออทิสติกให้นั่งอยู่กับที่ แม้ในระยะแรก ๆ อาจทำได้ยากอยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป แต่ที่สำคัญ คือ เป็นเรื่องที่ต้องทำและต้องทำให้สำเร็จ ทั้งนี้เพราะเมื่อลูกสามารถนั่งอยู่กับที่ได้ในลักษณะที่ลูกให้ความสนใจและสนุกสนานกับกิจกรรมต่าง ๆ ตรงหน้าอย่างรวดเร็วโดยที่คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองไม่ต้องบังคับ จะเท่ากับว่าลูกมีความพร้อมในระดับหนึ่งที่จะเข้าไปเรียนร่วมในโรงเรียนอนุบาลได้ต่อไป

ที่ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการ “บ้านอุ่นรัก” ทั้ง “บ้านอุ่นรักสวนสยาม” และ “บ้านอุ่นรักธนบุรี (ถนนพุทธมณฑลสายสอง)” เมื่อลูกศิษย์ออทิสติกเข้ามารับการฝึกและกระตุ้นพัฒนาการในระยะแรก ๆ คุณครูของเราจะมีภารกิจหลักสำคัญประการหนึ่ง คือ การฝึกให้ลูกศิษย์นั่งอยู่กับที่และกระตุ้นให้ลูกศิษย์สนใจและสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ตรงหน้าโดยคุณครูไม่ต้องบังคับ

การที่บ้านอุ่นรักเน้นการฝึกนี้ เพราะ “การนั่งอยู่กับที่” มีประโยชน์ต่อเนื่องเรื่องการเข้าเรียนร่วมในโรงเรียนอนุบาลของลูกศิษย์อยู่หลายประการ คือ

– นั่งเรียนอยู่กับที่ได้

– การเรียนการสอนทำได้ง่ายขึ้น

– มีสมาธิในการเรียนรู้ที่ดีขึ้น

– นั่งทำการบ้านในอนาคตได้

– นั่งหรือทำกิจกรรมตามจุดที่โรงเรียนกำหนดได้

– มีผลต่อการควบคุมตนในการทำกิจกรรมทุกรูปแบบที่ต้องทำที่โรงเรียน

สำหรับการฝึกที่บ้านให้ลูกนั่งอยู่กับที่ ในระยะแรก ๆ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองที่ฝึกลูกเองที่บ้านอาจพบปัญหาที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น

  • ด้วยข้อจำกัดเรื่องอาการและธรรมชาติของลูกออทิสติก ลูกอาจรู้สึกอึดอัด กระวนกระวายใจ ไม่สบายตัว ไม่สบายใจที่ต้องนั่งอยู่กับที่
  • ลูกอาจมีระบบประสาทรับความรู้สึกบางประการที่ไวกว่าปกติและส่งผลให้ลูกถูกหันเหความสนใจจากสิ่งที่กำลังทำได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น (Visual System) การได้ยิน (Auditory System) การรับสัมผัสทางผิวหนัง (Tactile System) การได้กลิ่น (Olfactory System) การรับรส (Gustatory System) การรับรู้ท่าทางของร่างกายผ่านข้อต่อ (Proprioception) และการทรงตัว (Vestibular)
  • สิ่งเร้ารอบตัวลูกอาจรบกวนสมาธิของลูก

จากปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้น คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองควรสังเกต ค้นหาปัจจัยที่เป็นปัญหา หาทางบริหารจัดการปัจจัยต่าง ๆ และสร้างบรรยากาศที่บ้านที่จะเอื้ออำนวยต่อการฝึกลูกให้นั่งอยู่กับที่ได้ต่อไป 
สำหรับการฝึกที่บ้านอุ่นรัก เรามีขั้นตอนการฝึกลูกศิษย์ให้นั่งอยู่กับที่ ดังต่อไปนี้ คือ

  • เรียงกิจกรรมที่ลูกศิษย์ชอบจากน้อยไปหามาก
  • ฝึกให้ลูกศิษย์นั่งอยู่กับที่เพื่อเล่นของเล่นหรือทำกิจกรรมตามความชอบ (จากน้อยไปหามาก)
  • ค่อย ๆ ยืดระยะเวลาการนั่งอยู่กับที่ โดยเพิ่มระยะเวลาทีละน้อย
  • เพิ่มการแทรกเงื่อนไขและวางวัตถุประสงค์มากขึ้นเรื่อย ๆ

ที่บ้านอุ่นรัก เราใช้เทคนิคการเรียงกิจกรรม โดยมีการสำรวจกิจกรรมที่ลูกศิษย์ชอบ จากนั้นก็นำกิจกรรมมาวางหมาก จัดเรียง และนำเสนอให้ลูกศิษย์สนใจเข้ามามีส่วนร่วมโดยไม่รู้ตัว ในที่สุด ลูกศิษย์ก็จะเต็มใจนั่งอยู่กับที่ สนใจ และสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ตรงหน้า โดยที่คุณครูไม่ต้องบังคับ

ภาพกิจกรรมการเรียนการสอนที่ “บ้านอุ่นรักสวนสยาม”

ภาพกิจกรรมการเรียนการสอนที่ “บ้านอุ่นรักธนบุรี (ถนนพุทธมณฑลสายสอง)”

นอกจากขั้นตอนการฝึกตามแบบของบ้านอุ่นรักแล้ว เราอ่านพบบทความที่น่าสนใจเรื่องการฝึกที่คล้าย ๆ กันนี้จากเว็บไซต์ wiki.com จึงได้นำบทความดังกล่าวมาฝาก แต่เพื่อให้ท่านได้ทราบภาพรวมวิธีการฝึกที่เราอ่านพบจากบทความนี้ เราจึงแปลสรุปความคร่าว ๆ ดังนี้ คือ

วิธีการฝึกเด็กออทิสติกนั่งเก้าอี้จากเว็บไซต์ wiki.com

หนึ่ง: ให้เด็กนั่งบนเก้าอี้ที่เด็กรู้สึกสบายตัวและสบายใจในบรรยากาศที่ไม่มีสิ่งเร้ารอบตัวที่จะมาทำลายสมาธิของเด็ก ทั้งนี้ ถ้าเด็กต้องการสลับการนั่งอยู่กับที่เพื่อไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เราควรแทรกการสอนให้เด็กพูดขออนุญาตเมื่ออยาก “หยุดพัก” ด้วย

สอง: ในระหว่างวัน ต้องให้เด็กออกกำลังกายประจำวัน เพื่อลดพลังงานส่วนเกิน ลดความซนอยู่ไม่สุข และช่วยให้มีอารมณ์ที่ดีขึ้น

สาม: หากเด็กมีความผิดปกติเรื่องการประมวลผลการรับสัมผัส การให้เด็กนั่งบนเบาะรองนั่งรูปลิ่ม (Sensory Seat Wedge) อาจช่วยจัดพยาธิสภาพให้เด็กสามารถนั่งอย่างสงบและสะดวกสบายมากขึ้นได้

สี่: การให้เด็กนั่งบนเบาะที่ภายในบรรจุเม็ดโฟม เศษผ้า หรือลูกปัด (Bean Bag) จะช่วยให้เด็กรับรู้สัมผัสถึงเม็ดโฟม เศษผ้า หรือลูกปัดที่ยัดไว้ด้านในและะช่วยทำให้เด็กรู้สึกถึงความมั่นคงในการนั่งอยู่กับที่ได้มากขึ้น

ห้า: ลองให้เด็กนั่งบนลูกบอลออกกำลังกายบ้างในบางครั้ง เพราะเมื่อต้องนั่งบนลูกบอลที่มีความกระเด้งกระดอนเบา ๆ จะช่วยเสริมทักษะการทรงตัวและทำให้เด็กต้องจดจ่อกับการนั่งให้ได้อย่างสมดุล พร้อม ๆ กับได้ปลดปล่อยพลังงานเหลือใช้ด้วย

หก: เตรียมของเล่นกระตุ้นพัฒนาการที่เด็กชอบมาวางเงื่อนไขให้เด็กนั่งเล่นของเล่นอยู่กับที่

เจ็ด: เล่นสนุกไปด้วยกันกับเด็กในขณะที่เด็กนั่งอยู่กับที่ การนั่งเล่นสนุก ๆ ด้วยกิจกรรมที่หลากหลายไปด้วยกันกับเด็กนี้จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ว่าการนั่งอยู่กับที่เป็นเรื่องที่ทำแล้วก็สนุกได้

กดที่ลิงค์ข้างล่างนี้เพื่ออ่านบทความต้นฉบับ เรื่อง “How to Teach an Autistic Child to Sit in a Chair” (เครดิตข้อมูล: www.wiki.com)

https://www.wikihow.com/Teach-an-Autistic-Child-to-Sit-in-a-Chair

สำหรับการฝึกที่บ้านอุ่นรัก แม้เราจะเน้นการใช้ขั้นตอนการฝึกของเราเป็นหลัก แต่ก็ไม่ละเลยที่จะเรียนรู้เทคนิคเพิ่มเติม ตลอดจนนำเทคนิคหรือแนวทางอื่น ๆ ที่ปลอดภัยและใช้ได้จริงมาผสมผสานและปรับใช้เพื่อผลประโยชน์ปลายทางที่ลูกศิษย์พึงจะได้รับต่อไป

ในระยะแรก ๆ ที่คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองฝึกลูกออทิสติกให้นั่งอยู่กับที่ ลูก ๆ อาจไม่ยอมนั่งบนเก้าอี้ ไม่ยอมนั่งในจุดที่กำหนดให้ ลูกอาจทำเพียงการยืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะตัวโปรดเพื่อเล่นของเล่น หรือนอนบนพื้นห้องเพื่อวาดรูประบายสี แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้และหมั่นสำรวจกิจกรรมต่าง ๆ ที่ลูกชอบให้ดี ๆ เราก็จะสามารถนำกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้นมาจัดเรียงตามลำดับจากน้อยไปหามาก วางหมาก และนำเสนอให้น่าสนใจ ในที่สุด ลูก ๆ ก็จะเผลอเข้ามามีส่วนร่วมและเต็มใจนั่งเล่นของเล่นบนเก้าอี้ยังจุดที่เรากำหนดไว้โดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ ลูกจะค่อย ๆ ทำได้ดีขึ้น ทำได้นานขึ้น เต็มใจนั่งอยู่กับที่ สนใจ และสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ตรงหน้าได้โดยไม่ต้องบังคับเลยค่ะ

คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองค่อย ๆ นำทางลูกไปนะคะ เมื่อท่านให้เวลาลูกได้เรียนรู้และฝึกฝนบ่อย ๆ ฝึกทุกวันอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่ยาวนานมากพอ ลูกก็จะเรียนรู้และนั่งอยู่กับที่บนเก้าอี้ ณ จุดที่เรากำหนดไว้ได้ และเมื่อถึงตอนนั้น ก็เท่ากับท่านได้ช่วยกันวางรากฐานพฤติกรรมและเสริมสร้างความพร้อมที่เอื้ออำนวยให้ลูกสามารถเข้าเรียนร่วมในโรงเรียนอนุบาลได้ต่อไปค่ะ

สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง คุณครู และทุกท่านที่มีข้อสงสัยเรื่องการฝึกและกระตุ้นพัฒนาการลูกออทิสติก ลูกสมาธิสั้น ลูกที่มีพัฒนาการช้ากว่าวัย ท่านสามารถติดต่อศูนย์กระตุ้นพัฒนาการ “บ้านอุ่นรักสวนสยามหรือบ้านอุ่นรักธนบุรี (ถนนพุทธมณฑลสายสอง)” เพื่อขอคำปรึกษาและคำแนะนำได้ค่ะ

จับปรับ พฤติกรรม “ซนอยู่ไม่สุข” (ตอนที่ 6) | บ้านอุ่นรัก

จับปรับ พฤติกรรม “ซนอยู่ไม่สุข” (ตอนที่ 6) | บ้านอุ่นรัก

ตอน: ภาพตัวอย่างกิจกรรมฝึกคงสมาธิที่ “บ้านอุ่นรัก”

สำหรับตอนนี้ เราขอแชร์ภาพกิจกรรมฝึกคงสมาธิที่เด็กนักเรียนของศูนย์กระตุ้นพัฒนาการ “บ้านอุ่นรัก” ได้ทำจริง ๆ ที่ “บ้านอุ่นรัก” มาให้คุณแม่ คุณพ่อ ผู้ปกครอง เห็นเพื่อเป็นแนวทางค่ะ

 

 

สำหรับลูกที่มีอาการซน อยู่ไม่สุข ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่าท่านช่วยลูกได้ ทั้งนี้ ขอให้เน้นที่การปรับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ 5 ประการ คือ (1) เพิ่มการเคลื่อนไหวอย่างมีทิศทางและการออกกำลังกายที่ช่วยลดอาการซนอยู่ไม่สุข (2) จัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้มีระเบียบมากขึ้น (3) เริ่มสร้างกฎกติกาบางอย่างตามวัยของลูก (4) ลดอาหารที่มีส่วนกระตุ้นระดับการตื่นตัว และ (5) แทรกกิจกรรมฝึกคงสมาธิค่ะ

คุณแม่ คุณพ่อ ผู้ปกครอง และสมาชิกทุกคนที่บ้าน ค่อย ๆ นำทางลูกด้วยใจเบิกบานนะคะ เราทุกคนช่วยลูกได้และที่สำคัญ คือ “ลูกก็ทำได้ดี” ค่ะ ขอให้ตั้งใจทำ พยายามทำอย่างไม่ลดละ และทำสิ่งที่ดีเพื่อลูกทุก ๆ วัน ในอีกไม่ช้าไม่นาน ลูกจะเก่งกว่าที่เราเห็นในวันนี้อีกหลายเท่าค่ะ

เครดิตภาพ: Wayne Lee-Singh | Unsplash

จับปรับ พฤติกรรม “ซนอยู่ไม่สุข” (ตอนที่ 5) | บ้านอุ่นรัก

จับปรับ พฤติกรรม “ซนอยู่ไม่สุข” (ตอนที่ 5) | บ้านอุ่นรัก

ตอน: แทรกกิจกรรมฝึกคงสมาธิ

การแทรกกิจกรรมฝึกคงสมาธินับเป็นการปรับวิถีชีวิตความเป็นอยู่อีกประการหนึ่งที่จะส่งผลให้ลูกที่เคยซน อยู่ไม่สุข วิ่งวุ่นไป ๆ มา ๆ ทั้งวันแบบไร้รูปแบบ ไร้ทิศทาง และขาดการคุมตน มีอาการดีขึ้นได้

เวลาอยู่กับลูก ๆ ที่บ้าน คุณแม่ คุณพ่อ ผู้ปกครองควรเพิ่มโอกาสให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่อาศัยการลงมือทำแบบรวดเดียวจบให้เหมาะสมตามวัย โดยการตั้งเป้าหมายสิ่งที่ลูกทำได้ตามวัยของลูกเป็นหลัก เช่น ลูกวัย 2 ขวบ เราตั้งเป้าให้ทำกิจกรรมคงสมาธิให้ได้ 5-7 ชิ้น ลูกวัย3 ขวบ 7-10 ชิ้น และลูกวัย 4 ขวบ 10-15-20 ชิ้น ทั้งนี้ ต้องเป็นการทำแบบรวดเดียวจบ

นอกจากนั้น เราต้องเลือกแทรกกิจกรรมฝึกคงสมาธิที่ใช้การลงมือทำที่เรามั่นใจว่าง่ายและลูกทำได้แน่ ๆ ไม่ใช่ลูกไม่ทำเพราะทำยากจนลูกไม่อยากทำ ซึ่งกิจกรรมที่เรามั่นใจว่าลูกทำได้แน่ ๆ ขอให้เน้นที่จำนวนชิ้นงานที่ลูกควรทำได้ต่อรอบ โดยกิจกรรมต้องหลากหลาย (ไม่ใช่เลือกเฉพาะกิจกรรมที่ลูกชอบทำ) เพื่อเราสามารถชักชวนและกระตุ้นให้ลูกร่วมทำกิจกรรมง่าย ๆ ที่ใช้การลงมือทำทีละ 5-7 ชิ้น ให้ได้สัก 10 อย่างสลับกันไปมาในแต่ละวัน

ตัวอย่างกิจกรรมฝึกคงสมาธิที่หลากหลาย เช่น หยอดกระปุกออมสิน ปักหมุดใหญ่ลงแท่น ต่อบล็อกขึ้นสูงด้านบน เสียบลูกปัดใหญ่ครอบลงบนตะเกียบ ใส่บล้อครูปทรงง่าย ๆ เช่น วงกลมหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ไม่มีเหลี่ยมมุมมากนัก เป็นต้น

การที่เราเลือกกิจกรรมที่ลูกจะทำได้แน่ ๆ เพราะเราต้องการตัดประเด็นว่าถ้ากิจกรรมยากเกินไป ลูกอาจหมดสนุกและละความสนใจกลางคัน

สำหรับการทำกิจกรรมในวันแรก ๆ คุณแม่ คุณพ่อ ผู้ปกครองควรนั่งประกบ สังเกต ตลอดจนนับตามในใจว่าลูกทำกิจกรรมต่อเนื่องได้คราวละกี่ชิ้นก่อนที่ลูกจะหยุดหรือละความสนใจ ทั้งนี้ เพื่อประเมินฐานเดิมของช่วงการคงสมาธิของลูก เช่น ลูกอายุ 3 ขวบ ทำได้ทีละ  4 ชิ้นแล้วหยุด เราก็จะนำทางและกระตุ้นลูกด้วยการที่เราส่งหมุดต่อเนื่องให้ลูกปักหมุดจนครบ 10 ชิ้นต่อ ๆ กัน และพอลูกเริ่มกลับมาลงมือทำได้อย่างต่อเนื่องด้วยตนเอง เราก็จะหยุดส่งหมุดให้ลูก แต่จะวางหมุดไว้ แล้วปล่อยให้ลูกทำต่อเอง โดยลดการช่วย ซึ่ง “บ้านอุ่นรัก” ขอเน้นว่าต้องทำแบบนี้บ่อย ๆ ทำทุกวัน ทำวันละหลาย ๆ รอบ ต้องเปลี่ยนกิจกรรมให้หลากหลาย และควรหากิจกรรมในบ้านที่มีอุปกรณ์อยู่แล้ว เช่น ตักข้าวสารใส่ถ้วยรอบละอย่างน้อย 10 ช้อน หยิบเมล็ดถั่วแดงใส่ขวด 10 เม็ด ระบายสีคราวละ 10 ทีแปรง (ไม่ใช่ระบายสีได้เพียง 3  เส้นแล้วหยุดทำ) เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

กิจกรรมคงสมาธิที่เราให้เด็ก ๆ นักเรียนของเราทำจริงที่ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการ “บ้านอุ่นรัก” มีมากมายและหลากหลายกว่านี้ แต่ในที่นี้ เราหยิบยกมาเพียงบางอย่างที่เราเห็นว่าคุณแม่ คุณพ่อ ผู้ปกครอง และสมาชิกในบ้าน พอจะทำเองได้ที่บ้าน ทำได้จริง และทำแล้วได้ผลค่ะ

กิจกรรมที่เราให้เด็ก ๆ ทำ นอกจากจะสร้างความสนุกให้กับเด็ก ๆ และเปิดโอกาสให้เด็กได้รู้จักและลงมือทำกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้นแล้ว เรายังมีเป้าหมายในใจในการลดอาการที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นความซน อยู่ไม่สุข เหม่อ ละความสนใจกลางคัน หรือสมาธิสั้น พร้อม ๆ ไปกับการสร้างเสริมและฟื้นฟูพัฒนาการของเด็ก ๆ อย่างรอบด้านด้วยค่ะ

ขอให้ลองทำนะคะ และ “บ้านอุ่นรัก” ขอเป็นหน่วยสนับสนุนทั้งด้านข้อมูล คำแนะนำ และให้กำลังใจทุกบ้าน ในการนำทางลูกสู่ความสำเร็จสมดังเป้าหมายต่าง ๆ ที่ได้วางไว้ค่ะ

เครดิตภาพ: Wayne Lee-Singh | Unsplash

จับปรับ พฤติกรรม “ซนอยู่ไม่สุข” (ตอนที่ 4) | บ้านอุ่นรัก

จับปรับ พฤติกรรม “ซนอยู่ไม่สุข” (ตอนที่ 4) | บ้านอุ่นรัก

ตอน: ลดอาหารที่มีส่วนกระตุ้นระดับการตื่นตัว

เพื่อลดอาการซนอยู่ไม่สุข  เราจำเป็นต้องตระหนักถึงความสำคัญในการปรับวิถีชีวิตความเป็นอยู่บางประการ ไม่ว่าจะเป็นการแทรกการออกกำลังกาย การจัดสภาพการเคลื่อนไหว การจัดบ้านให้เป็นระเบียบ การเริ่มสร้างกฎกติกาตามวัย และในตอนนี้ เราจะเน้นเรื่องการลดอาหารที่มีส่วนกระตุ้นภาวะตื่นตัว ซึ่งถือเป็นการจัดการสภาพทางร่างกายอีกทางหนึ่ง

กล่าวคือ เราต้องลดอาหารรสหวาน อาหารทีมีสารคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ หรืออาหารที่เราสังเกตว่าเมื่อลูกทานแล้ว ลูกตื่นตัว หรือลูกบางรายเกิดอาการแพ้ และทำให้ไม่สบายตัว

เรื่องที่เกี่ยวกับอาหารของลูกนี้ โดยเฉพาะบ้านที่มีสมาชิกหลายคน ช่วยกันดูแลและเลี้ยงดูลูก ยิ่งมีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจเพิ่มเติมอีกหลายประการ เช่น

  • ต้องมีการส่งต่อข้อมูลเรื่องอาหารและขนมที่ลูกรับประทานให้ดี
  • ต้องหลีกเลี่ยงสภาพการณ์ที่เราต่างคนต่างให้ลูกทานขนมหรือของหวานมากเกินไปแบบไม่รู้ตัว
  • ถ้ามีขนม ของหวาน ไอศรีม นมรสหวาน น้ำหวาน และของหวานในตู้เย็น ยิ่งต้องระมัดระวังและช่วยกันจัดการให้ดี เพื่อไม่ให้ลูกวิ่งเปิด-ปิดตู้เย็นทั้งวัน จนลูกมีภาวะตื่นตัวสูง

การลดอาหารที่มีส่วนกระตุ้นระดับการตื่นตัวของลูก ต้องทำควบคู่ไปกับการเน้นให้ลูกได้ทานอาหารมื้อหลัก ๆ ให้อิ่ม ส่วนการทานขนมหรือของหวาน ขอให้มีเพียงน้อยพอให้ลูกชื่นใจ และไม่ปล่อยให้ลูกทานได้ตามสบายแบบไร้ขีดจำกัด
หากเราสามารถลดขนมและของหวานที่ลูกทานลงได้มากกว่าครึ่งจากปัจจุบัน เราทุกคนที่บ้านจะพบผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจและชื่นใจว่าลูกจอมซนอยู่ไม่สุข ดูนิ่งมากขึ้น หุ่นดีขึ้น และมีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เครดิตภาพ: Wayne Lee-Singh | Unsplash

จับปรับ พฤติกรรม “ซนอยู่ไม่สุข” (ตอนที่ 3) | บ้านอุ่นรัก

จับปรับ พฤติกรรม “ซนอยู่ไม่สุข” (ตอนที่ 3) | บ้านอุ่นรัก

ตอน: จัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้มีระเบียบมากขึ้น + เริ่มสร้างกฎกติกาบางอย่างตามวัยของลูก

สำหรับอาการ “ซนอยู่ไม่สุข” แม้จะมีรายละเอียดของอาการบางประการที่ต่างจากอาการ “สมาธิสั้น” ที่ทำให้เราต้องแยกอาการสองอย่างนี้ออกจากกัน แต่การจับลูกซนอยู่ไม่สุขมาปรับพฤติกรรมโดยอาศัยการปรับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ประการที่ 2 และ 3 คือ (ประการที่ 2) มีการจัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้มีระเบียบมากขึ้น และ (ประการที่ 3) เริ่มสร้างกติกาบางอย่างตามวัย จะมีแนวคิดและการจัดการในลักษณะเดียวกันกับการรับมือลูกสมาธิสั้น

กล่าวคือ จัดสภาพแวดล้อมให้เป็นระเบียบเพื่อตัดวงจรสถานการณ์ที่จะกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมวุ่นวาย หรือเกิดพฤติกรรมที่เป็นปัญหาอยู่เป็นประจำ ยกตัวอย่าง เช่น การลดจำนวนของเล่นที่วางไว้ตามมุม เพื่อลดโอกาสที่ลูกจะรื้อค้นจนของเล่นเกลื่อนกระจาย เล่นของเล่นเสร็จ ชวนลูกช่วยเก็บให้เรียบร้อย เมื่อทำแบบนี้บ่อย ๆ ซ้ำ ๆ ลูกจะค่อย ๆ เคยชินและกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ลูกทำได้ด้วยตนเองต่อไป เก็บขวดแชมพู ขวดแป้ง ที่ลูกชอบเทเล่น หรือสิ่งของที่อาจเป็นอันตรายไว้ในที่สูงจนพ้นมือลูก หรือย้ายโต๊ะ เก้าอี้ หรือโซฟา ออกจากจุดที่ลูกเคยชินที่จะกระโดดเล่นหรือปีนป่ายเป็นประจำออกไป เป็นต้น

ส่วนการเริ่มสร้างกฎกติกาบางอย่างตามวัยของลูก ก็จะช่วยให้ลูกซนอยู่ไม่สุข (และลูกสมาธิสั้น) ได้เรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับบุคคลอื่น ทั้งในตอนที่อยู่ที่บ้านหรือที่อื่น ๆ ให้ปกติสุขมากขึ้นได้

การตั้งกติกาตามวัย เช่น คุยทำข้อตกลงกับลูกในทุกสถานการณ์ที่ทำได้ เช่น ข้อตกลงก่อนไปร้านสะดวกซื้อ (จะซื้ออะไรบ้าง ซื้อได้กี่ชิ้น ราคาเท่าไร) ก่อนไปเล่นสนามเด็กเล่น (รอคอยคิว ไม่แซงคิว ไม่วิ่งสวนทางคนอื่น) ก่อนไปเดินเล่น (เดินข้างแม่ ไม่วิ่งออกนอกเส้นทาง) หรือก่อนไปขี่จักรยานนอกบ้าน (ขี่ตามเส้นทาง ขี่ได้กี่รอบ กี่นาที) เป็นต้น นอกจากนี้ คุณแม่ คุณพ่อ ผู้ปกครอง ควรฝึกการรอคอยแทรกในทุกสถานการณ์ด้วย เช่น ฝึกให้นั่งรอแม่สักครู่ก่อนออกไปเดินเล่น นับเลขรอแม่ขณะแม่ชงนมให้ ยืนรอขณะแม่ทำเครื่องดื่มให้ โดยไม่รีบให้ทันที ทั้งนี้ ลูกอาจมีมีพฤติกรรมปฏิเสธกิจกรรมหรือเลี่ยงกติกา ซึ่งเราสามารถลดพฤติกรรมปฏิเสธกิจกรรมหรือเลี่ยงกติกาของลูกได้ด้วยการแตะนำหรือเบี่ยงเบนก่อนนำให้ลูกลงมือปฏิบัติตามกติกา โดยเราต้องเลี่ยงและลดการพูดใช้คำสั่ง และหากเห็นว่าลูกแสดงพฤติกรรมที่เกินกว่าเหตุ เราจะไม่ปล่อยผ่าน แต่จะค่อย ๆ นำลูกให้ทำพฤติกรรมที่มีความเหมาะสมมากขึ้น ตลอดจนมีการคุยกันหลังเหตุการณ์สงบ เพื่อลูกเรียนรู้ที่จะร่วมรับผิดชอบผลที่ตนกระทำไป และช่วยให้ลูกยอมรับกติกาตามวัยในครั้งต่อ ๆ ไปได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับบทความของ “บ้านอุ่นรัก” ในเรื่องนี้และในตอนนี้ เรามุ่งเน้นให้คุณแม่ คุณพ่อ ผู้ปกครอง เห็นความจำเป็นว่าเราต้องช่วยแก้ไข ลดความเคยชินที่ลูกจะทำพฤติกรรมซนอยู่ไม่สุข และตัดวงจรพฤติกรรมวุ่นวายนี้ให้ได้โดยเร็ว เพราะพฤติกรรมที่ไม่สมวัยนี้เป็นเรื่องที่ลูกไม่ควรทำ ทั้งนี้ การจะช่วยให้ลูกเติบโตอย่างมีความหมายต้องอาศัยบทบาทของแม่ พ่อ และผู้ปกครองที่มองเห็นปัญหา และตระหนักรู้  ตลอดจนลุกมาลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อจัดการและจัดสภาพ หรือแม้แต่ปรับเปลี่ยน และเปลี่ยนแปลงการดำรงชีวิตของลูกไม่มากก็น้อย

การที่ปัญหาของลูกจะคลี่คลายลงไปได้หรือลูกจะเก่งและน่ารักสมวัยได้ บางครั้งไม่ใช่จากการเติบโตตามธรรมชาติทั้งหมด แต่มีบางเรื่อง บางสถานการณ์ที่เราจะต้องลงไปช่วยจัดการและจัดสภาพที่จะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของลูกค่ะ

ในส่วนของคุณแม่ คุณพ่อ ผู้ปกครอง เมื่อได้จัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการลดอาการซนอยู่ไม่สุขของลูก ๆ กันแล้ว ก็อย่าลืมให้ความรัก ความเอาใจใส่ ให้เวลา และให้โอกาสลูก ๆ ในการเรียนรู้และฝึกฝนจนลูกจอมซนอยู่ไม่สุข สามารถซนน้อยลง….และซนน้อยลงอีกได้…ในที่สุดค่ะ

เครดิตภาพ: Wayne Lee-Singh | Unsplash