รับมือลูกหงุดหงิด อาละวาด อารมณ์รุนแรง | ตอน : 6 ขั้นตอนการปรับอารมณ์ของลูกทีละขั้นตามระดับความรุนแรง | บ้านอุ่นรัก

รับมือลูกหงุดหงิด อาละวาด อารมณ์รุนแรง | ตอน : 6 ขั้นตอนการปรับอารมณ์ของลูกทีละขั้นตามระดับความรุนแรง | บ้านอุ่นรัก

ในตอนที่แล้ว บ้านอุ่นรักได้แชร์ 5 สิ่งที่ต้องทำเมื่อต้องรับมือกับลูกที่หงุดหงิด อาละวาด อารมณ์รุนแรง กันไปแล้ว ส่วนในตอนนี้ เราจะมาดูข้อมูลเพิ่มเติมของ “การปรับทีละขั้นตามระดับความรุนแรง” กันว่าจะมีขั้นตอนอย่างไร

6 ขั้นตอนการปรับอารมณ์ของลูกทีละขั้นตามระดับความรุนแรง มีดังนี้ คือ

1: เบี่ยงเบนด้วยอารมณ์ขันหรือการทำกิจกรรมที่ลูกสนใจ

  • อารมณ์ขัน หรือสร้างความสนุกแทน เช่น จั้กจี้ลูกจนลูกเผลอปล่อยของที่ติดมือ
  • เปลี่ยนความสนใจด้วยการเสนอให้ลูกเล่นหรือทำกิจกรรมในเชิงสร้างสรรค์ตามที่ลูกสนใจ เช่น ร้อยลูกปัด หยอดกระปุกออมสิน ฟังเพลง

2: ใช้ Time In หรือ Time Out ให้เป็นประโยชน์

  • Time In คือ ปล่อยให้ลูกอยู่กับตนเอง โดยมีพ่อแม่นั่งอยู่ข้าง ๆ แบบเงียบ ๆ อย่างเมตตา
  • Time Out คือ แยกลูกและพ่อแม่ออกจากกัน หรืองดกิจกรรมหรือการให้ลูกเข้าร่วมทำกิจกรรมแบบต่าง ๆ

3: พาลูกเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ โดยพ่อแม่ใช้เวลากับลูกนานพอสมควรในขณะที่ลูกได้เปลี่ยนอิริยาบถจนคลายอารมณ์ลงได้ เช่น พาไปล้างหน้า ล้างมือ เดิน วิ่ง จับลูกกระโดด หรือพาเดินขึ้น-ลงบันได

4: เปลี่ยนความโกรธของลูกมารับรู้ความรู้สึกทางร่างกาย เช่น นั่งโยกบนบอลยิมนาสติก นวดลงน้ำหนักสม่ำเสมอที่ไหล่ นวดมือ นวดช้า ๆ ไล่จากต้นแขนลงไปยังปลายนิ้วมือ ลูบหลังหรือตบเบา ๆ ที่ฝ่ามือของลูก

5: เพิกเฉย ในกรณีที่ใช้วิธีข้างต้นแล้วยังไม่ได้ผลและลูกยังไม่คลายจากอารมณ์โกรธ แต่ลูกเริ่มมีพฤติกรรมเรียกร้องรุนแรงหรือพบว่าลูกเริ่มแสดงอารมณ์รุนแรง พ่อแม่ควรเริ่มใช้วิธีเพิกเฉย แล้วค่อยกลับไปให้ความสนใจลูก เมื่อลูกมีพฤติกรรมที่เหมาะสม

  • เพิกเฉยโดยปล่อยลูกอยู่กับตนเองตรงนั้น โดยพ่อแม่ใช้วิธีนิ่งเงียบ ไม่พูดด้วย ไม่มอง ไม่ให้ความสนใจ หรือพ่อแม่อาจเดินเลี่ยงออกมาเงียบ ๆ แล้วเดินกลับเข้าไปหาลูกเป็นระยะ ๆ ทุก ๆ 1-3 นาที
  • เพิกเฉยด้วยการแยกลูกออกจากตรงนั้น (Time Out) เพื่อไปหามุมสงบอื่นให้ลูกได้อยู่คนเดียวเพื่อสงบอารมณ์ แล้วพ่อแม่กลับเข้าหาลูกเป็นระยะ ๆ ทุก 1-3 นาที ทั้งนี้ หากเข้าไปหาแล้วลูกยังไม่สงบ พ่อแม่จะเดินออกมาใหม่รอบละ 1-3 นาที โดยไม่ปล่อยลูกอาละวาดรุนแรงคนเดียวนานเกินไป
  • กลับไปให้ความสนใจลูก เมื่อลูกมีพฤติกรรมเหมาะสม

6: หลังลูกสงบ พ่อแม่จึงสอนวิธีจัดการกับปัญหาด้วยการสอนให้ลูกเรียนรู้อารมณ์ของตนเองและเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น นำเหตุการณ์ที่ผ่านมา ๆ พูดคุยเพื่อสอนวิธีรับมือว่าถ้าลูกพบกับสถานการณ์แบบเดิม ลูกควรจะพูดจาสื่อสาร ควรแสดงท่าทาง หรือจัดการกับสถานการณ์นั้น ๆ อย่างไรในครั้งต่อไป

  • กรณีที่ลูกพูดไม่ได้: พ่อแม่กล่าวสะท้อนอารมณ์โดยพูดให้ลูกฟังสั้น ๆ เช่น ลูกโกรธใช่มั้ยที่พี่เดินเตะของเล่นของลูก
  • กรณีที่ลูกพูดได้: พ่อแม่กระตุ้นให้ลูกพูดแสดงอารมณ์ + ความจริง (เหตุการณ์) เช่น ลูกโกรธเพราะแม่เก็บของเล่น

ไม่ว่าจะเป็น “5 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อต้องรับมือกับลูกที่หงุดหงิด อาละวาด อารมณ์รุนแรง” หรือ “6 ขั้นตอนการปรับอารมณ์ของลูกทีละขั้นตามระดับความรุนแรง” ล้วนเป็นวิธีรับมือที่เราอยากให้คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครอง ได้เรียนรู้กันล่วงหน้าก่อน ทั้งนี้เพื่อช่วยปรับพฤติกรรมให้กับลูก ๆ ซึ่งนับเป็นการเตรียมลูกให้พร้อมที่จะมีชีวิตได้อย่างปกติสุขและปลอดภัยในอนาคตได้ค่ะ

Photo Credit: Ninety Eyes | Unsplash

รับมือลูกหงุดหงิด อาละวาด อารมณ์รุนแรง | ตอน: 5 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อต้องรับมือกับลูกที่มีอารมณ์หงุดหงิด อาละวาด อารมณ์รุนแรง | บ้านอุ่นรัก

รับมือลูกหงุดหงิด อาละวาด อารมณ์รุนแรง | ตอน: 5 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อต้องรับมือกับลูกที่มีอารมณ์หงุดหงิด อาละวาด อารมณ์รุนแรง | บ้านอุ่นรัก

ในบางครั้งที่ลูกหงุดหงิด คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครอง อาจพบว่าลูกจะอาละวาดและมีการระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนเราคิดทบทวนหาทางรับมือกันแทบไม่ทัน

เราไม่อยากให้คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองรอให้ถึงสถานการณ์แบบนั้นแล้วค่อยตั้งรับ แต่อยากให้ลองหาวิธีรับมือกันไว้ล่วงหน้า เพื่อที่ว่าเมื่อต้องเจอกับปัญหาดังกล่าว ก็จะสามารถรับมือได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการ “บ้านอุ่นรัก” มีวิธีรับมือลูกหงุดหงิด อาละวาด อารมณ์รุนแรง มาฝากดังนี้ค่ะ

1: ปรับใจและสร้างทัศนคติเชิงบวก เข้าใจข้อจำกัดว่าวุฒิภาวะของลูกไม่สมวัย ในบางสถานการณ์ลูกจึงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ไม่ดีนัก และด้วยพัฒนาการในปัจจุบันที่ลูกยังพูดสื่อความต้องการไม่ได้ดังใจ ลูกจึงมีอารมณ์หงุดหงิดหรืออาละวาดรุนแรงกว่าปกติ เราจึงควรคิดในแง่บวกว่า “ดีแล้วที่ลูกมีอารมณ์หงุดหงิดถึงขีดสุดในยามที่ลูกมีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง เพราะพ่อแม่จะได้มีส่วนค่อย ๆ ช่วยปรับพฤติกรรมให้กับลูกและจะไม่ปล่อยผ่านพฤติกรรมเหล่านี้ แต่จะช่วยจนกว่าลูกจะฝึกควบคุมตนเองได้ เพื่อในอนาคต ลูกจะสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง ตลอดจนอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคมได้อย่างปกติสุขและปลอดภัย”

2: พูดสั้น ๆ ระบุพฤติกรรมที่ลูกควรทำ แทนการดุ ตำหนิ หรือบ่น และเลี่ยงการใช้คำพูดที่จะกระตุ้นอารมณ์ของลูก

3: ตั้งสติ ไม่ตกใจ ไม่รน ทั้งนี้เพราะการมีสติจะทำให้เราสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าและไวต่อการตอบสนอง และหากเราเคยพบว่าลูกมีพฤติกรรมรุนแรง เราต้องถอยหลังเว้นระยะห่างไม่ให้ลูกเข้าประชิดตัว

4: หยุดความรุนแรงเฉพาะหน้า เช่น เราคาดว่าลูกอาจหงุดหงิดรุนแรง เราก็จะต้องแยกลูกออกจากบุคคล สิ่งของ หรือจุดอันตราย ตลอดจนต้องหยุดการสูญเสียด้วยการเก็บสิ่งของอันตรายแบบต่าง ๆ ที่ลูกอาจนำมาใช้ระบายความโกรธหรือหยิบมาขว้างปาจนเกิดความเสียหายหรือเป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่นออกไปให้หมด

5: เริ่มปรับทีละขั้นตามระดับความรุนแรง ด้วยการเบี่ยงเบน การแยกลูกออกจากสถานการณ์ การพาลูกเปลี่ยนอิริยาบถ การเปลี่ยนความโกรธของลูกมารับรู้ความรู้สึกทางกาย การเพิกเฉย ไปจนกระทั่งการสอนลูกจัดการกับปัญหาหลังลูกสงบอารมณ์ของตนเองได้แล้ว ซึ่งการปรับทีละขั้นนี้มีรายละเอียดอีกหลายประการที่เราจะนำมาเสนอกันต่อในตอนต่อไปค่ะ

Photo Credit: Ninety Eyes | Unsplash