คุณแม่ท่านหนึ่ง” ได้เขียนบทความ เรื่อง “เส้นทางที่ไม่เคยเดิน” นี้ และอนุญาตให้ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการ “บ้านอุ่นรัก” นำมาเผยแพร่ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เธอ ลูก และครอบครัว ได้ร่วมกันเดิน จนผ่านพ้นเส้นทางที่ขรุขระและเต็มไปด้วยขวากหนามมาได้ด้วยดี

ทั้งคุณแม่ท่านนี้และบ้านอุ่นรักขอส่งกำลังใจมายังทุก ๆ ครอบครัว และเราปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่า ในที่สุดแล้ว ทุก ๆ ครอบครัว จะพบวิธีก้าวเดินที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของตนเอง และสามารถเดินไปกับลูก จนถึงจุดหมายปลายทางที่ดีได้สมดังใจหวังค่ะ

เส้นทางที่ไม่เคยเดิน” ตอนที่ 5: ครอบครัวต้องทำงานเป็นทีม...

 …ทุกคนในบ้านของเราล้วนแต่มีความสำคัญต่อการเดินในเส้นทางนี้ จากประสบการณ์ตนเอง แม่ต้องเป็นคนทำหน้าที่คิดว่าจะดูแลลูกอย่างไร นำคำแนะนำที่ได้มาปรับใช้กับลูกอย่างไร ต้องหาหมอที่ไหน ต้องฝึกลูกที่ไหน จัดตารางกิจกรรมลูก หาโรงเรียนให้ลูกยังไง เลือกครูให้ลูกยังไง ต้องจัดการเรื่องที่โรงเรียนเวลามีปัญหายังไง เมื่อแม่วางแผนแล้ว จะขอให้คนในครอบครัวช่วยทำให้ทุกอย่างสำเร็จตามที่ต้องการ

ในวันที่เราทำงาน คุณตาจะทำหน้าที่รับส่งลูกไปสถานที่ฝึกต่าง ๆ ทั้งใกล้และไกลตามที่เราขอให้ไป เมื่อลูกปิดเทอม เราก็จะจัดตารางฝึกให้ลูกคนเล็ก จัดตารางกิจกรรมให้ลูกคนโต เพื่อให้ลูกทั้ง 2 คนอยู่บ้านน้อยที่สุด (ยึดหลักว่าลูกคนเล็กต้องได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญ หรือทำกิจกรรมฝึกพัฒนาการทุกวัน โดยลูกคนโตต้องได้รับการพัฒนาตามวัยด้วย) โดยมีคุณตาเป็นผู้ขับรถพาหลานทั้ง 2 คนไปพร้อมกับพี่เลี้ยง รวมถึงในเวลาที่เราร้องไห้ ท้อถอยกับชีวิต คุณตาก็เป็นคนคอยปลอบใจ ให้กำลังใจเราตลอดมา

ส่วนวันหยุด สามีของเราจะเป็นคนขับรถพาไปทุกที่ที่เราต้องการพาลูกไป ไม่เคยบ่น ไม่เคยปฏิเสธ คอยเป็นกำลังใจ ดูแลความรู้สึกทุกครั้งที่เราร้องไห้ รวมถึงเอาลูกทั้ง 2 คนไปดูแลเมื่อเราสติแตก รับมือกับลูกไม่ได้แล้ว การที่เรามีใครซักคนที่พร้อมร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับเรา มันเป็นกำลังใจที่สำคัญมากจริง ๆ เราอาจจะไม่สามารถเดินเส้นทางนี้ได้อย่างเข้มแข็งเลย ถ้าขาดกำลังใจที่สำคัญคนนี้ สิ่งที่อยากบอกคือ การเลี้ยงลูกของเราไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบลูกเพียงคนเดียว ความคิดเห็นอาจจะต่างกันได้ การกระทำของอีกคนอาจจะขัดใจเรา แต่เรามีเป้าหมายเดียวกันคือลูก ถ้าครอบครัวเข้มแข็ง ลูกก็จะเข้มแข็งไปด้วย

นอกจากคุณตา คุณพ่อแล้ว เรามีพี่เลี้ยงที่ทำหน้าที่ดูแลลูกทั้ง 2 คนให้เราตอนไปทำงาน อยากจะเรียกว่าเป็นคนสำคัญในทีมของเราเช่นกัน ในทุกที่ที่เราไปเรียนแนวทางการดูแลลูก ในทุกที่ที่พาลูกไปฝึก เราพาพี่เลี้ยงไปด้วยเสมอเพื่อให้เค้าได้เห็น และจดจำวิธีกลับมาสอนลูก เล่นกับลูก  เราจะตั้งเป้าหมายที่ต้องการไว้ ว่าอยากให้ลูกทำอะไรได้ในช่วงเวลานั้น และขอให้พี่เลี้ยงช่วยสอนให้ในระหว่างที่เราไม่อยู่

คนสุดท้ายในทีมคือลูกคนโตของเราเอง การที่ลูกเรามีพี่ชายที่เป็นเด็กปกติ ถือเป็นความโชคดีของบ้าน และโชคดีที่สุดของลูกคนเล็ก เราใช้วิธีอธิบายให้ลูกคนโตฟังว่าน้องมีปัญหาอะไร ความเข้าใจของน้องต่างจากพวกเราอย่างไร (เท่าที่จำเป็น เพราะเค้าเองก็ยังเด็กมาก) และเค้าจะช่วยน้องให้เข้าใจโลกของพวกเราได้อย่างไร สอนให้เค้ารักน้อง ปกป้องน้อง ดูแลน้อง แต่เค้าไม่จำเป็นต้องอดทนกับน้อง เค้าไม่มีหน้าที่รับภาระใด ๆ เกี่ยวกับน้อง ทำเท่าที่ใจเค้าอยากทำ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราบอกลูกคนโตเราเสมอว่า เค้าเป็นคนสำคัญสำหรับเราเสมอ และเรารักเค้าไม่ต่างจากที่รักน้องเลย เพียงแค่เค้าเป็นคนเก่ง ดูแลตัวเองได้ดี ทำให้เราไม่ต้องห่วงเค้ามากเท่าที่ห่วงน้องเท่านั้นเอง ผลก็คือ ลูกคนโตของเรากลายเป็นกำลังสำคัญในการช่วยน้องอย่างมาก เค้าเปรียบเหมือนคู่ซ้อมของน้องในการออกไปเจอโลกจริงข้างนอก สอนสิ่งที่น้องจำเป็นต้องรู้เพื่อให้เล่นกับคนอื่น มีคำพูดโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติ และหัดน้องให้เล่นเหมือนเด็กผู้ชายอื่นทั่วไป

โดยสรุป สิ่งที่เราพยายามทำก็คือการสื่อสารกับคนในบ้านให้เข้าใจว่าต้องดูแลลูกยังไงตามแนวทางที่เราต้องการ (จากประสบการณ์ ไม่มีใครทำได้อย่างที่เราต้องการได้ 100% ต้องยอมรับความจริงว่าทุกคนในบ้านมีข้อจำกัด แต่ทุกคนในบ้านรักลูกเราและทุกคนทำดีที่สุดในส่วนของตัวเองแล้ว)…

เครดิตภาพ: Annie Spratt | Unsplash