คุณพ่อของลูกศิษย์ “บ้านอุ่นรัก” ได้เห็นรูปเด็ก ๆ นั่งทานข้าวด้วยตนเองที่ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการ “บ้านอุ่นรัก” ท่านจึงส่งข้อความมาบอก “บ้านอุ่นรัก” ว่า “เห็นเด็กนั่งรับประทานอาหาร…สบายใจกินเองเป็นแล้ว..ไม่ต้องป้อนแล้วครับ”

ข้อความข้างต้นทำให้เราย้อนคิดถึงวิธีปรับการทานอาหารของลูกขึ้นมาได้ว่า “การปรับการทานอาหารของลูกต้องทำให้สำเร็จตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็กเล็กและทำได้ง่ายมาก” ทั้งนี้ กลุ่มลูกเจี๊ยบ (เด็กเล็ก) ที่ “บ้านอุ่นรัก” มักจะทำได้สำเร็จ ขอเพียงเราตั้งใจจริงที่จะฝึกลูกนั่งกับที่ ไม่เดินป้อน ฝึกตักอาหารเองและทานอาหารให้ได้หลากหลาย ส่วนการเปื้อนเปรอะไม่ต้องไปสนใจ แต่ให้ใส่ใจกับการได้ใช้เวลานั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อคอยสังเกตลูก ประกบลูกตามความเหมาะสม ดูแลห่าง ๆ เพื่อลูกทำได้ หากฝึกการทานอาหารได้สำเร็จ จะลดปัญหาการดำรงชีวิตได้อย่างมาก และทำให้ลูกดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นธรรมชาติในสังคม

ส่วนลูกที่มาเริ่มทำตอนอายุเกิน 4 ขวบแล้ว อาจทำได้ยากขึ้นแต่ก็ยังทำได้ โดยเราอาจต้องใช้การฝืนให้ลูกทานอาหารที่ไม่เคยทานให้ได้วันละ 3-5 คำ แม้ลูกต่อต้านรุนแรง เราก็ต้องฝืนทำ และที่สำคัญ คือ ต้องมีการปรับการทานอาหารของลูกทั้งในขณะที่ลูกอยู่ที่โรงเรียนกับครูหรือครูกระตุ้นพัฒนาการ และอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ผู้ปกครอง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ทำ ผลที่ได้ในระยะยาวจะไม่ดี กล่าวคือ เมื่อลูกโตขึ้นและไม่มีเราอยู่ด้วยเพื่อช่วยเตรียมอาหาร ลูกจะมีความยากลำบากในการดำรงชีวิตและอาจจะสร้างความลำบากให้ผู้ดูแล

ดังนั้น เราควรต้องรีบปรับการทานอาหารของลูกเสียแต่เนิ่น ๆ ฝืนใจ ฝืนลูกวันละนิด ดีกว่าให้เขาไปมีอุปสรรคในการดำรงชีวิตตอนโต